6/27/2009

การเรียงประโยคใน ภาษาจีน

หลายต่อหลายครั้งที่ผู้เริ่มเรียนภาษาจีน มักจะสับสนกับวิธีการเรียงประโยค เพราะการเรียงประโยคในภาษาจีนนั้นมีทั้งเหมือน และต่างจากภาษาไทย แต่เพื่อไม่ให้เป็นการยากจนเกินไปจึงขอยกตัวอย่างเพียงไม่กี่ประโยค เช่น

ประโยคที่เรียงเหมือนภาษาไทย

你要吃什么(nǐyàochīshénme)?คุณจะกินอะไร
我要吃饺子(wǒyàochījiǎozi)。ฉันจะกินเกี๊ยว

โครงสร้างการเรียงประโยค ภาษาจีน ที่ต่างกับไทย

你在哪儿学习汉语?(nǐzàinǎerxuéxíhànyǔ) คุณเรียนภาษาจีนที่ไหน
我在北京学习汉语。(wǒzàiběijīngxuéxíhànyǔ) ฉันเรียนภาษาจีนที่ปักกิ่ง
โครงสร้างภาษาจีน = ใคร + ที่ไหน + ทำอะไร ส่วนถ้าเป็นภาษาไทย = ใคร + ทำอะไร + ที่ไหน

你跟谁去北京?(nǐgēnshuíqù) คุณไปปักกิ่งกับใคร
我跟朋友去(wǒgēnpéngyǒuqù)。ฉันไปกับเพื่อน
โครงสร้างภาษาจีน = ใคร + กับใคร + ทำอะไร ส่วนถ้าเป็นภาษาไทย = ใคร + ทำอะไร + กับใคร

ขอให้เพื่อนๆ ลองหมั่นสังเกตประโยคอื่นๆ ที่เพื่อนๆ เคยเจอ หรือเรียนมาดู เพื่อคราวหน้าจะได้ใช้ได้อย่างไม่สับสน สำหรับเรื่องการเรียงประโยคในภาษาจีน ยังมีมากกว่านี้ แต่วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อนค่ะ

6/20/2009

เหนื่อยจังเลย

เหนื่อยในที่นี้ไม่ได้มาจากการที่ต้องมาเขียนบล็อก ภาษาจีน หรอกนะคะ แต่เหนื่อยจากการออกกำลังกายเพิ่งเสร็จ วันนี้จะมาดูกันว่าความเหนื่อยจะโยงยังไงให้เกี่ยวกับ ภาษาจีน ได้

累死了!(lèisǐle) หรือ เหนื่อยจังเลย
คำว่า 死(sǐ) ใน ภาษาจีนกลาง ตัวเดียวโดด แปลว่าตาย ฟังดูก็ไม่เป็นมงคล แต่เมื่อนำมาวางไว้ด้านหลังคำคุณศํพท์ อย่างในกรณีนี้จะมีความหมายว่ามากๆ เป็นไปในเชิงเปรียบเทียบ ว่ามากจนจะตายอยู่แล้ว

นอกจากนี้ก็ยังมีคำที่ได้ยินบ่อยๆ เช่น 饿死了!(èsǐle) หิวจังเลย,หิวมากๆ 饱死了!(bǎosǐle) อิ่มจังเลย,อิ่มมากๆ ถ้าเป็นคนไทยอย่างเราๆ พูดกับเพื่อนๆ ที่สนิท ก็คงจะแปลว่า อิ่มจนจะ....อยู่แล้ว อะไรประมาณนี้

6/19/2009

เว็บภาษาจีน

หลายวันนี้ไม่ได้เข้ามาอัพเดทบล็อกต้องขอโทษด้วยนะคะ เพราะว่ากำลังทำเว็บไซต์เรียน ภาษาจีน อยู่ค่ะ ถ้าสนใจก็ลองแวะเข้าไปชมได้ที่ http://www.lovechineseclub.com/ หน้าตาเว็บอาจจะพื้นๆ เพราะไม่มีหัวทางด้านศิลป์เลยแม้แต่น้อย

แต่ก็พยายามทำโดยเน้นข้อมูลเป็นหลักค่ะ อยากรวบรวมสิ่งที่ตัวเองชอบ และเคยเรียนมา เพื่อแบ่งปันให้ผู้ที่สนใจ ภาษาจีน เหมือนกันได้เข้ามาศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้กัน แต่เว็บก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ บางหัวข้ออาจจะยังไม่มีข้อมูล ก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ แล้วจะพยายามปรับปรุงนำข้อมูลมาใส่เรื่อยๆค่ะ

รอคอยกำลังใจจากผู้ที่ชอบ ภาษาจีน เหมือนกัน หรือผู้ที่สนใจก็ยินดีค่ะ

6/14/2009

ฤดูกาล กับ สภาพอากาศ

วันนี้นึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไรดี พอดีฝนตกก็เลยเขียนเรื่องฤดูกาล กับ สภาพอากาศล่ะกัน ทีนี้ก็มาดูว่า ภาษาจีน เขียนยังไง ฤดูในประเทศจีน อาจต่างจากไทยไปบ้าง เพราะจีนมี 4 ฤดูคือ
  • 春天(chūntiān) ฤดูใบไม้ผลิ
  • 夏天(xiàtiān) ฤดูร้อน
  • 秋天(qiūtiān) ฤดูใบไม้ร่วง
  • 冬天(dōngtiān) ฤดูหนาว
    ส่วนของไทยจะมีฤดูฝน 雨季(yǔjì) ด้วย

ในแต่ละฤดูสภาพอากาศก็จะต่างกันไป ทีนี้มาดูคำศัพท์เกี่ยวกับสภาพอากาศกันบ้าง

  • 热(rè) ร้อน
  • 冷(lěng) หนาว
  • 下雪(xiàxuě) หิมะตก
  • 下雨(xiàyǔ) ฝนตก


พูดถึงหิมะแล้ว ก็มีเรื่องจะเล่าให้ฟังคือ ตอนที่เรียนอยู่เมืองจีนนั้น เมืองที่เลือกคือหางโจว ซึ่งมีสภาพอากาศที่หนาว แต่ก็ดีที่ไม่หนาวจัดเหมือนพวกปักกิ่ง หรือเมืองตอนเหนือ ที่หางโจวหิมะไม่ได้ตกทุกปีหรอก แต่โชคดีที่ปีที่ไปเรียนนี้หิมะตก แต่ก็เป็นช่วงที่กำลังจะกลับไทยเช่นกัน จึงภาวนาเมื่อไหร่หิมะจะตกจะได้เห็น ได้สัมผัสกับเค้าบ้าง


เพื่อนคนจีนกับเกาหลีที่เค้าเห็นกันจนเบื่อแล้วเค้าก็ขำๆกัน และแล้วเมื่อถึงตอนที่หิมะตกจริงๆ เพื่อนๆ ต่างก็แซวกันใหญ่บอกให้ดูเร็ว เดี๋ยวกลับบ้านไปไม่ได้เห็นนะ คนไทยอย่างเราๆ ก็อย่างนี้แหละ ไม่เคยเห็นก็อยากเห็น แต่คนที่เคยเห็นจนเบื่อเค้าก็ไม่อยากเห็นแล้ว


ที่อยากเห็นก็เพราะเวลาหิมะตก หรือปกคลุมมันก็สวยดี แต่ก็อย่างว่าความสวยงามมักมาคู่กับความทรมาน เพราะอากาศที่หนาวนั้นมันทรมาน แบบว่ารู้ซึ้งถึงคำว่า หนาวเข้ากระดูกเลย ว่ามันเป็นยังไง จริงๆ แล้วอากาศเย็น หรือหนาวก็ยังพอทน แต่พอเวลาที่ลมพัดมานี่ซิ มันแสนสาหัสยิ่งนัก สุดบรรยายเลยจริงๆ


6/13/2009

ไม่สบาย

เรียน ภาษาจีน กันมาตั้งมากมายก็คงต้องเกิดอาการไม่สบายกันบ้างใช่มั้ยค่ะ อย่างแรกก็คงต้องปวดหัวกันแน่ๆ งั้นก็ไปดูคำศัพท์เลยดีกว่า

头疼(tóuténg) ปวดหัว
不太(bútài) ไม่ค่อย
舒服(shūfu) สบาย,สะดวกสบาย
生病(shēngbìng) ป่วย
感冒(gǎnmào) เป็นหวัด
发烧(fāshāo) เป็นไข้
怎么了(zěnmele) เป็นยังไงบ้าง

สนทนา ภาษาจีน

A : 你怎么了(nǐzěnmele)? เธอเป็นยังไงบ้าง
B : 我不太舒服(wǒbútàishūfu)。ฉันไม่ค่อยสบาย
A : 你生病吗?(nǐshēngbìngma) เธอป่วยหรือป่าว
B : 我有点儿头疼(wǒyǒudiǎnrtóuténg)。ฉันปวดหัวนิดหน่อย
A : 是不是感冒了(shìbushìgǎnmàole)?ใช่เป็นหวัดหรือป่าว
A : 不是,但是有点儿发烧。(búshì, dànshìyǒudiǎnrfāshāo) ไม่ใช่ แต่เป็นไข้นิดหน่อย
B : 那你要多休息。(nànǐyàoduōxiūxī) งั้น เธอต้องพักผ่อนมากๆ

อ่านจบแล้วก็หวังว่าทุกคน คงไม่ได้ปวดหัว จากการเรียน ภาษาจีน หรอกนะค่ะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ

6/12/2009

ภาษาจีน ใครว่ายาก?

เราขอตอบคนแรกเลยล่ะกัน...ก็ตัวเรานี่แหละที่ว่ายาก เรายังจำได้ดีถึงวันแรกที่ได้เรียน ภาษาจีน เป็นอะไรที่ยากมาก เพราะศัพท์สักตัวไม่มีอยู่ในสมองอันไร้รอยหยัก เหล่าซือพูดอะไรก็ทำหน้าเอ๋อใส่ ฟังไม่รู้เรื่องเลย เรียนก็ไม่รู้เรื่อง

วิธีสอนของเหล่าซือก็ไม่เหมือนใคร มาเข้าห้องเรียนชั่วโมงแรก ไม่ได้สอนพินอินก่อน มาถึงก็ถามเป็นประโยค ภาษาจีน เลย เราได้แต่ งงงงงงงงงงงงงงง เหมือนจะฝึกให้เราชินกับสำเนียงการออกเสียงของคนจีน จากนั้นค่อยสอนให้อ่านคำศัพท์ แล้วก็อธิบายคำศัพท์

พอท้ายชั่วโมงก็เหมือนเดิมยิงคำถาม ภาษาจีน ให้ตอบ ความรู้สึกตอนนั้นแย่มาก เพราะไม่รู้ว่าเหล่าซือพูดอะไร ตอบอะไรก็ไม่ได้ แต่พอผ่านช่วงนั้นมาได้จนถึงวันนี้ ก็รู้สึกขอบคุณเหล่าซือท่านนั้นจริงๆ แม้วิธีการจะแปลกไปหน่อย และทำให้เรารู้สึกกดดันก็ตามที

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเมื่อเราเจออุปสรรคอะไรก็ตามที ต้องอดทนและพยายามฟันฝ่ามันไปให้ได้ และเมื่อเราผ่านได้แล้วค่อยลองมองย้อนกลับไป แท้จริงแล้วก็ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถ

谁说汉语很难?(shuíshuōhànyǔhěnnán)ภาษาจีน ใครว่ายาก?

นอกจากเราแล้วคงมีอีกหลายคนที่คิดว่า ภาษาจีน ยาก เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราควรทำอย่างไรล่ะ
  1. จดและจำ ต้องมาคู่กัน คือ รู้จักจดบันทึกในสิ่งที่เรียนมาและพยายามจำให้ได้ ถ้ายังจำไม่ได้ก็ทบทวนสิ่งที่จดบันทึกไว้ หลายๆ รอบ ส่วนการจำนั้น แม้จะจำได้แล้วก็ควรจดด้วย เพราะบางครั้งเราอาจคิดว่าเราจำได้แล้วแต่พอเรียนไปเยอะๆ ต้องจำหลายอย่างก็อาจ มีลืมกันบ้าง จึงควรจดเอาไว้ เพื่อจะย้อนมาอ่านได้ทีหลัง
  2. อ่านเตรียม เรียนจบทบทวน ต้องเตรียมตัวอ่านหรือดูบทที่จะเรียนก่อนล่วงหน้า และเมื่อเรียนจบก็ทบทวนอีกรอบ จะช่วยเพิ่มความเข้าใจได้มากขึ้น
  3. ฝึกเขียนคำศัพท์บ่อยๆ จะได้เขียนเป็น ตอนเริ่มเรียนใหม่ๆ จำได้ว่าต้องคัดศัพท์ทุกวัน คัดจนมือด้านไปเลย
  4. หาสิ่งที่เป็นจีนๆ ทำ เช่น ดูหนัง ฟังเพลงจีน
  5. สละเวลาวันละนิด เพื่อพิชิต ภาษาจีน การเรียนไม่ว่าภาษาไหนก็ต้องใช้เวลาทั้งนั้นถึงจะได้ผล การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน

สุดท้าย ท้ายสุดก็ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียน ภาษาจีน <รวมทั้งตัวเราด้วย>.....สาธุ!


6/11/2009

什么 กับ 怎么

什么(shénme)กับ怎么(zěnme)ใน ภาษาจีน มีความหมายต่างกันเล็กน้อย โดย 什么 แปลว่า อะไร ส่วน 怎么 แปลว่า อย่างไร,ยังไง และวิธีใช้ก็ต่างกัน เรามาดูกันว่าใช้อย่างไร

什么 ใช้วางหลังคำกริยา หรือ วางหน้าคำนาม
V.+什么 เช่น 吃什么? กินอะไร
什么+N. เช่น 什么书? หนังสืออะไร

ส่วน 怎么 ใช้วางหน้าคำกริยา
怎么 +V. เช่น 怎么写 เขียนอย่างไร

อาจเป็นเพราะเสียงใกล้กันเวลาใช้เลยสับสนไปบ้าง แต่จริงๆก็ไม่มีอะไรยากขอแค่หมั่นทบทวนบ่อยๆ ก็จำได้เอง แล้วพบกับความรู้ ภาษาจีน ตอนต่อไปนะค่ะ

6/10/2009

有点儿 กับ 一点儿

วันนี้พอดีเปิดตำรา ภาษาจีน ที่เคยเรียนมาเจอการใช้ 有点儿(yǒudiǎnr) กับ 一点儿(yìdiǎnr) เลยนำมาฝากกัน แล้วก็ถือเป็นการทบทวนไปด้วยในตัว

การใช้ 有点儿(yǒudiǎnr) มี 2 กรณีคือ
  1. วางไว้หน้าคำคุณศัพท์ 有点儿 + adj. มีความหมายว่า ........ไปหน่อย เช่น 有点儿贵 แพงไปหน่อย
  2. วางไว้หน้าคำนาม 有点儿 + N. มีความหมายว่า มี.....นิดหน่อย เช่น 有点儿钱 มีเงินนิดหน่อย

การใช้ 一点儿(yìdiǎnr) ก็มี 2 กรณีเช่นกัน

  1. วางไว้หลังคำคุณศัพท์ adj. + 一点儿 มีความหมายว่า ........หน่อย เช่น 大一点儿 ใหญ่หน่อย
  2. วางไว้หลังคำกริยา v. + 一点儿 มีความหมายว่า ........หน่อย เช่น 卖一点儿 ซื้อหน่อย

ข้อสังเกต

有点儿 จะต้องวางไว้หน้า adj./N. ส่วน 一点儿 จะวางไว้หลัง adj./v. หวังว่านำไปใช้คราวหน้าคงไม่สับสนนะค่ะ แล้วพบกันใหม่กับบทต่อไปค่ะ


เคยมั้ย...ในภาษาจีน

หลังจากห่างหายจากไวยากรณ์ ภาษาจีน มานาน ก็มาเรียนกันสักหน่อย ก็ตามชื่อเรื่องเลยค่ะ เคยมั้ย จะพูดเป็น ภาษาจีน ได้อย่างไร

过(guò) แปลว่า ข้าม หรือ ผ่าน แต่ก็มีอีกความหมายหนึ่งคือ เคย

过 จะมีความหมายว่า เคย โดยนำไปวางไว้หลังคำกริยา v.+ 过........吗?เช่น

  • 去过(qùguò) เคยไป
  • 你去过中国吗?(nǐqùguòzhōngguóma) คุณเคยไปประเทศจีนมั้ย
  • 来过(láiguò) เคยมา
  • 你来过泰国吗?(nǐláiguòtàiguóma) คุณเคยมาประเทศไทยมั้ย
  • 吃过(chīguò) เคยกิน
  • 你吃过泰国菜吗?(nǐchīguòtàiguócàima) คุณเคยกินอาหารไทยมั้ย
  • 看过(kànguò) เคยดู
  • 你看过这部电影吗?(nǐkànguòzhèbùdiànyǐngma) คุณเคยดูหนังเรื่องนี้มั้ย
  • 听过(tīngguò) เคยฟัง
  • 你听过这首歌吗?(nǐtīngguòzhèshǒugēma) คุณเคยฟังเพลงนี้มั้ย

อย่าสับสนระหว่างคำว่า 去过(qùguò) เคยไป กับ 过去(guòqù)ผ่านไป,ข้ามไป และคำว่า 来过(láiguò) เคยมา กับ 过来(guòlái) ผ่านมา,ข้ามมา นะค่ะ


6/06/2009

ขอนอกเรื่องนิดนึง

เรียน ภาษาจีน ก็มักจะเหนื่อยกันอย่างนี้แหละค่ะ แต่ยังไงก็อย่าเพิ่งท้อนะค่ะ สู้ๆ ค่ะ เพราะต่อจากนี้จะพยายามทำให้แต่ละบทมีเนื้อหาสั้นลง จะได้ไม่ปวดหัวกัน เอาสักบทละ 10 คำคงน่าจะพอไหวกันนะค่ะ แล้วจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะ...ขอเวลาหาตำราที่ร่ำเรียนมาปัดฝุ่นกันหน่อยก่อนจะออกเดินทางกันต่อไป

เวลานี้ดึกก็ดึก ง่วงก็ง่วงคงปัดฝุ่นกันไม่ทันล่ะ เดี๋ยวว่างเมื่อไหร่จะมาทำการอัพเดทข้อมูล ภาษาจีน กันต่อ ขอคิดก่อนว่าจะทำยังไงดี แต่ตอนนี้คงไม่ไหวแล้ว ตาอันตี่ๆ กำลังจะปิดลงแล้ว คงต้องเก็บไปฝันเป็น ภาษาจีน แล้วเอามาบอกกันทีหลังแล้วล่ะ



6/04/2009

บันทึกประจำวัน

ต่อไปเราก็จะมาเรียนรู้คำศัพท์ ภาษาจีนกลาง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาจนกระทั่งเข้านอนกันเลย
  1. 叫醒(jiàoxǐng) ปลุก
  2. 醒(xǐng) ตื่นนอน
  3. 但是(dànshì) แต่,แต่ว่า
  4. 还(hái) ยัง,ยังคง
  5. 不想(bùxiǎng) ไม่อยาก
  6. 就(jiù) ก็
  7. 才(cái) ถึงจะ
  8. 起床(qǐchuáng) ลุกจากเตียง
  9. 睡懒觉(shuìlǎnjiào) นอนตื่นสาย
  10. 只(zhī) แค่,เพียง
  11. 刷牙(shuāyá) แปรงฟัน
  12. 洗澡(xǐzǎo) อาบน้ำ
  13. 吃饭(chīfàn) กินข้าว
  14. 上课(shàngkè) เข้าเรียน,เริ่มเรียน
  15. 下课(xiàkè) เลิกเรียน
  16. 以后(yǐhòu) หลังจาก,ตอนหลัง
  17. 以前(yǐqián) ก่อน,เมื่อก่อน
  18. 马上(mǎshàng) ทันที
  19. 回家(huíjiā) กลับบ้าน
  20. 家里人(jiālǐrén) คนในครอบครัว,สมาชิกในครอบครัว
  21. 一起(yìqǐ) ด้วยกัน
  22. 做(zuò) ทำ
  23. 完(wán) เสร็จ
  24. 作业(zuòyè) การบ้าน
  25. 看电视(kàndiànshì) ดูโทรทัศน์
  26. 听音乐(tīngyīnyuè) ฟังเพลง
  27. 或者(huòzhě) หรือไม่
  28. 睡觉(shuìjiào) เข้านอน,นอนหลับ

ตัวอย่างบทความ ภาษาจีนกลาง สั้นๆ

今天早上6点,妈妈叫醒我但是我还不想起床,所以就睡懒觉。只有10分钟刷牙和洗澡。没有吃早饭就去上课。我每天早上8点上课到下午4点才下课。下课以后我马上回家跟家里人一起吃晚饭,然后做作业,做完了作业就看电视或者听音乐到晚上11点才睡觉。