9/30/2009

เทศกาลไหว้พระจันทร์

อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์กันแล้ว ซึ่งจะตรงกับวันที่ 15 เดือน 8 ของทุกปี ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ซึ่งในภาษาจีนเรียกเทศกาลนี้ว่า 中秋节zhōngqiūjié และขนมที่กินคู่กับเทศกาลนี้ก็คือ 月饼 yuèbǐng หรือขนมไหว้พระจันทร์

9/27/2009

ไปเที่ยวที่ไหนกัน

ช่วงนี้คงเป็นช่วงสอบของน้องๆ หลายๆคน ถ้ายังไงขอให้ทุกคนสอบผ่านได้เกรดงามๆ มาให้เชยชมกันนะค่ะ ไม่ว่าจะปิดเทอมก็อย่าลืมทบทวนภาษาจีนกันด้วยนะค่ะ เดี๋ยวจะลืม

วันนี้จะนำเสนอเรื่องไปเที่ยว แต่ไม่ได้ไปไหนหรอกนะค่ะ แค่นำเรื่องการใช้คำว่า 玩 wán ซึ่งแปลว่าเที่ยวมาฝากค่ะ จริงๆ แล้วการใช้ก็ไม่ได้ยากอะไร แต่เห็นบางคนใช้ผิดประจำเพราะแปลตามภาษาไทยค่ะ ในภาษาจีนต้องใช้แบบนี้นะค่ะ 去 + สถานที่ + 玩 เช่น ไปเที่ยวปักกิ่ง ต้องเป็น 去北京玩。qù běijīng wán

ปิดเทอมทั้งทีเดี๋ยวจะดูเหมือนเรียนน้อยเกินไป ก็มีอีกคำมาฝากค่ะ คือ 放假 fàngjià ซึ่งแปลว่า หยุด, วันหยุด หรือปิดเทอมก็ได้ค่ะ แถมต่ออีกคำเลยค่ะ ...的时候 deshíhòu แปลว่า ตอน... ได้คำศัพท์มาเล็กน้อยแล้วค่ะ ต่อไปก็แต่งประโยคภาษาจีนเลยล่ะกันนะค่ะ

ตัวอย่างประโยคภาษาจีน
房价的时候你要去哪儿玩?ตอนปิดเทอมคุณจะไปเที่ยวที่ไหน ประโยคนี้พี่คงไม่ขอตอบ ถ้าน้องๆ คนไหนได้ไปเที่ยวตอนปิดเทอมแล้วอยากมาเล่าแบ่งปันก็เชิญได้เลยนะค่ะ

ส่วนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่อยู่ที่จีนอีกไม่กี่วันก็คงได้หยุดยาวเนื่องในวันชาติจีนแล้ว คงมีเวลาทบทวนภาษาจีนที่ได้เรียนไป หรือไม่ก็คงมีโอกาสได้ไปเที่ยวกันนะค่ะ พูดถึงตรงนี้แล้วก็แถมให้อีกคำค่ะ 国庆节 guóqìngjié วันชาติจีน พอแค่นี้ก่อนนะค่ะกับของแถม แล้วจะนำมาฝากใหม่ค่ะ

9/22/2009

เรื่องดีๆ ในหางโจว

ทุกอย่างมักมีสองด้านเสมอ หลังจากที่พูดถึงเรื่องไม่ดีไปพอสมควร วันนี้จะมาเล่าเรื่องดีๆ ตอนที่เรียนอยู่หางโจวให้ฟังกัน หางโจวเป็นเมืองที่ค่อนข้างสงบ เงียบ และน่าอยู่ เนื่องจากผู้คนไม่ค่อยมีชีวิตที่เร่งรีบเหมือนเมืองใหญ่ๆ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางเจา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หางโจวเป็นเมืองที่น่าอยู่

ตอนที่เรียนอยู่เมืองนี้ก็ได้เจอกับเพื่อนคนจีนอยู่หลายคน ที่คอยไปเที่ยวเป็นเพื่อน คอยสอน คอยอธิบายภาษาจีนที่เราไม่เข้าใจ และในเมืองนี้เอง เราก็ยังได้พบกับเพื่อนคนจีนที่พูดภาษาไทยได้ด้วย ซึ่งจะไม่แปลกเลยถ้าเราพบคนจีนที่พูดไทยได้ในเมืองทางตอนใต้ของจีน อย่างเช่นในคุณหมิง หรือมณฑลกวางสี แต่นี่อุตส่าห์มาตั้งไกลแล้วยังได้เจอก็ทำให้เราแปลกใจ

เพื่อนคนนี้เราพบโดยบังเอิญ ซึ่งตอนนั้นเรากับเพื่อนคนไทยอีกคนกำลังเดินออกกำลังกายอยู่ที่สนาม แล้วจู่ๆ ก็มีคนจีนมาทักเราสองคนว่า เมื่อกี้พูดภาษาไทยกันใช่มั้ยค่ะ เราเลยได้คุยกันจากนั้นก็เลยเป็นเพื่อนกัน เพื่อนคนจีนคนนี้เคยมาเรียนภาษาไทยอยู่ที่ภาคเหนือของไทย และสามารถพูดไทยได้คล่อง จนทุกวันนี้ก็ได้มาทำงานที่เมืองไทย และยิ่งแปลกไปกว่านั้นอีกก็คือ สถานที่ทำงานของเค้ายังอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราด้วย บางครั้งเรื่องบางอย่างก็บังเอิญได้อย่างไม่น่าเชื่อ คุณว่าจริงมั้ย?

9/21/2009

งานแฟร์-เซี่ยงไฮ้

มาแล้วค่ะ มาหาของอร่อยๆ ฟรีๆ ทานกันค่ะที่งานอาหารและเครื่องดื่มนานาชาติ ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ ใครอยากไปตามมาเลยค่ะ (ลืมบอกไปค่ะ งานนี้ลงทุนโดดเรียนไปเลยนะค่ะเนี่ย)



อันนี้เป็นบู๊ทโปรดเลยค่ะ ไอศครีมแสนอร่อย แม้จะกินแล้วอ้วนไปหน่อย แต่ก็มีความสุขดีค่ะ



บู๊ทของคนไทยก็มาร่วมงานเหมือนกันนะค่ะ

นอกจากนี้ก็ยังมีบู๊ทของอาหารคาวหวานต่างๆ มากมายจากหลายประเทศที่มาร่วมงาน ใครอยากไปก็ประมาณเดือนตุลาคม แล้วก็อย่างลืมพกนามบัตรติดตัวไปด้วยค่ะเดี๋ยวจะเข้างานไม่ได้





ไปเซี่ยงไฮ้กัน

ใครที่ชอบความทันสมัย ต้องไม่พลาดการไปเยือนเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นที่รู้กันเป็นอย่างดีถึงความสะดวกสบายและทันสมัยของเมืองนี้



南京路 nánjīnglù ถนนนานจิง แหล่งช็อปปิ้งในเมืองเซี่ยงไฮ้




东方明珠电视塔 dōngfāngmíngzhūdiànshìtǎ หรือขอไข่มุก อันนี้ถ่ายมาแค่ภาพภายนอกค่ะ เพราะตอนไปถึงก็ดึกแล้ว จริงๆ ก็ไม่เชิงหรอกค่ะเพราะค่าเข้าแพง รู้สึกจะร้อยยี่สิบหยวนค่ะ เลยไม่ได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศภายในเลย เนื่องจากความเสียดายตังค์(งก)ของตัวเองแท้ๆ

วันนี้นำภาพมาฝากเล็กๆ น้อยๆ ก่อนค่ะ คราวหน้าจะพาไปงานอาหารและเครื่องดื่มนานาชาติที่เซี่ยงไฮ้กัน


9/15/2009

การอ่านตัวเลขในภาษาจีน2

จากที่เคยเรียนเรื่องการอ่านตัวเลขในภาษาจีนกันมาบ้างแล้ว วันนี้ก็จะมาบอกวิธีการอ่านหมายเลขโทรศัพท์ การอ่านหมายเลขโทรศัพท์ก็จะอ่านเรียงตามตัวเลขเลยค่ะ แต่จะนิยมอ่านหมายเลยหนึ่งว่า yāo มากกว่า yī เนื่องจากหนึ่งที่ปกติอ่านว่า yī จะมีเสียงใกล้เคียงกับเจ็ดที่อ่านว่า qī

วิธีการอ่านปีในภาษาจีน เช่น ปีนี้ 2009 ก็จะเป็น二零零九年 èrlínglíngjiǔnián ซึ่งวิธีการอ่านปีนั้นก็จะอ่านเรียงกันทีละตัวค่ะ และปีที่มีเลขหนึ่งรวมอยู่ด้วยก็จะอ่านได้แค่ yī ไม่สามารถอ่านออกเสียง yāo ได้ เหมือนกับการอ่านหมายเลขโทรศัพท์

การอ่านเลขทศนิยม จุดในภาษาจีนก็คือ 点 diǎn วิธีการอ่านคือ เลขหน้าจุดทศนิยมก็อ่านตามหลัก(หน่วย,สิบ,ร้อย,พัน,หมื่น) ส่วนเลขหลังจุดทศนิยมจะต้องอ่านเรียงทีละตัว เช่น 3.82 อ่านว่า 三点八二 sāndiǎnbā'èr 506.1654 五百零六点一六五四 wǔbǎilíngliùdiǎnyīliùwǔsì

การอ่านเลขเศษส่วน จะเป็น ...分之... แต่ให้จำไว้ว่าจะสลับกับภาษาไทย ตรงที่ตัวเลขที่อยู่ด้านหน้าจะเป็นส่วน เลขที่อยู่ด้านหลังจะเป็นเศษ เช่น เศษหนึ่งส่วนสอง จะพูดว่า 二分之一 èrfēnzhīyī เศษสามส่วนแปด อ่านว่า 八分之三 bāfēnzhīsān

ส่วนการอ่านเปอร์เซ็นต์ก็จะเป็น 百分之... เช่น 20% อ่านว่า 百分之二十 bǎifēnzhī 'èrshí งงกันหรือป่าวค่ะ ถ้างงก็ต้องฝึกอ่านบ่อยๆ แล้วคอยตรวจคำตอบดูว่าเราเข้าใจมากน้อยแค่ไหน แล้ววันหลังถ้ามีเรื่องปวดหัวจะเอามาฝากใหม่ค่ะ

9/14/2009

ชีวิตในจีน (เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม)

สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้อาจเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก เป็นเรื่องการใช้ชีวิตตอนอยู่เมืองจีน แบบว่าตามหัวข้อเลยว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เวลาจะขึ้นรถเมล์ในจีนคนจีนมักจะแย่งกันไม่เข้าแถว อันที่จริงบ้านเราก็ไม่ได้เข้าแถวแต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องแย่งกระแทกแดกดัน

ทีแรกเราก็ไม่ค่อยได้สนใจใครจะแย่งก็แย่งกันไป ไว้รอขึ้นทีหลังก็ได้แต่เมื่อพอเวลาอยู่ไปสักพักก็เริ่มเรียนรู้การใช้ชีวิตของการแก่งแย่ง ใครเบียดมาเราก็เบียดไป ใครดันมาเราดันกลับ (แอบทำนิสัยแย่เล็กน้อย) แต่ก็ไม่ได้ติดกลับมาใช้ในไทยนะค่ะ เพราะเดี๋ยวจะโดนเพ่งเล็งจากคนรอบข้าง

เรื่องเล่าชีวิตในจีนยังมีอีก แต่วันนี้ขอเล่าพอหอมปากหอมคอก่อนแล้วกันค่ะ ไว้วันหลังจะเข้ามาเล่าให้ฟังใหม่

เรื่องเล่าจากเมืองจีน

วันนี้ขอรำลึกความหลังเมื่อครั้งที่เรียนอยู่เมืองจีนหน่อยนะค่ะ ถึงแม้จะผ่านมาเนิ่นนานก็ตามที เผื่อจะมีประโยชน์กับใครๆ ได้บ้าง

ซึ่งก็คือการใช้ชีวิตที่ต่างวัฒนธรรมกันค่ะ เพื่อนๆ บางคนที่มีโอกาสได้ไปเรียนเมืองจีนแรกๆ อาจจะยังปรับตัวไม่ได้แต่พอนานวันเข้า เมื่อเราพอจะเปิดรับวัฒนธรรมและเลือกที่จะเรียนรู้ก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขค่ะ

เราแค่เรียนรู้วัฒนธรรมของเขาก็พอนะค่ะ ไม่จำเป็นต้องเอามาใช้ อย่างวัฒนธรรมของคนเกาหลี เราอาจเคยดูซีรี่เกาหลีมาบ้าง ซึ่งการใช้เท้าเล่นกันอาจดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนไทยเราไม่อาจทำได้ค่ะ แรกๆ ก็รู้สึกเหมือนเค้าไม่มีมารยาท แต่คงเป็นเพราะวัฒนธรรมเค้าค่ะเราเลยเลือกที่จะเรียนรู้แล้วเข้าใจเค้า ก็เลยช่างมันค่ะไม่เป็นไร

มาถึงวัฒนธรรมของเพื่อนฝั่งตะวันตกบ้างค่ะ ในครั้งแรกที่รู้จักกัน เค้าอาจจะเล่นกับเราอย่างถึงเนื้อถึงตัว บางทีก็โอบกอดโดยไม่ได้คิดอะไร เพราะเค้ามองเป็นเพียงการทักทายกันก็เท่านั้นค่ะ ยอมรับนะค่ะว่าเจอครั้งแรกก็อื้งเหมือนกัน อยู่ๆ ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนก็มากอดคอเลย เหมือนรู้จักกันมาแต่ชาติปางก่อน แต่หากเราเลือกที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ก็จะเข้าใจกันมากขึ้นค่ะ

ส่วนวัฒนธรรมที่ผู้คนมีความเกรงอกเกรงใจและใกล้เคียงกับคนไทยมากที่สุดก็คงไม่พ้นญี่ปุ่นหรอกค่ะ เวลาจะพูดจา หรือจะเล่นกันก็จะมีความนอบน้อม หากยังไม่สนิทกันก็จะมีการวางตัวเหมือนกับคนไทยค่ะ

มาถึงเมืองจีนทั้งที ถ้าไม่พูดถึงวัฒนธรรมจีนก็คงดูจะแปลกนะค่ะ คนจีนในเมืองจีนต่างกับคนไทยเชื้อสายจีนในเมืองไทยมากมายค่ะ อาจเป็นเพราะคนจีนที่อยู่ในเมืองไทยคงถูกปลูกฝังมาคนละแบบ เนื่องจากประชากรจีนที่มีมากมาย การจะทำอะไรของคนจีนจึงดูเป็นการแก่งแย่งชิงดีกัน และดูเหมือนจะเห็นแก่ตัว

ตั้งแต่ที่อยู่เมืองจีนมาบอกตรงๆ เลยนะค่ะ ยังไม่เคยได้ยินคำขอโทษสักคำจากคนจีนเลยค่ะ ยิ่งถ้าคนจีนด้วยกันเองทำผิด ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมขอโทษกัน จึงทำให้พบเห็นการชกต่อยกันเป็นเรื่องธรรมดามากบนท้องถนน เคยเจอหลายครั้งค่ะ คนจีนชอบใช้เสียงดังข่มกันไปมา พอสู้ไม่ได้ก็ลงไม้ลงมือ

9/11/2009

ไปหางโจวกันต่อ

เดี๋ยวเรามาดูรูปไปด้วยแล้วเรียนภาษาจีนไปด้วย จะได้เรียนรู้คำศัพท์กันสักเล็กน้อย



เทศกาลดอกไม้ไฟในหางโจว หากแยกเป็นคำๆ ก็จะได้ว่า เทศกาล+ดอกไม้+ไฟ แต่เมื่อเป็นภาษาจีนก็จะเรียงเป็น ไฟ+ดอกไม้+เทศกาล = 火花节 huǒhuājié (อย่าลืมนะค่ะว่าภาษาไทยกับจีนต่างกันตรงที่การเรียงส่วนขยาย)



รูปด้านซ้ายคือวัดนะค่ะ ส่วนรูปด้านขวาคือพระพุทธรูป แต่จำชื่อวัดไม่ได้ค่ะว่าวัดอะไร คำว่าวัดในภาษาจีนคือ 寺庙 sìmiào แต่บางครั้งก็ใช้ 寺 หรือ 庙 คำเดียว ส่วนคำว่าพระพุทธรูปก็คือ 佛像 fóxiàng

วันนี้ขอเอามาฝากแค่นี้ก่อนนะค่ะ เนื่องจากทั้งเน็ตและคอมช้ามากกว่าจะโหลดภาพได้ต้องใช้เวลานานมาก แล้วไว้พบกันใหม่...ในโอกาสที่เน็ตและคอมเอื้ออำนวย

9/10/2009

ไปหางโจวกัน

มาตามสัญญาค่ะ...(ใครสัญญากันตอนไหนก็ไม่รูนะ) วันนี้จะพาไปดูบรรยากาศที่หางโจว 杭州 hángzhōu กันค่ะ ว่าดูแล้วสบายๆ ขนาดไหน หางโจวเป็นเมืองที่มีอากาศดีเย็นสบาย แต่หน้าหนาวก็หนาวจับใจนะ เพราะลมแรงมากๆ

หากใครที่ชอบความสงบ ไม่ค่อยวุ่นวายเหมือนในเซี่ยงไฮ้ 上海 shànghǎi ก็สามารถเลือกไปเรียนที่เมืองนี้ได้ ขอบอกได้เลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน แล้วถ้าอยากไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ค่อยนั่งรถไฟไปสะดวกสบายมากๆ ค่ะ



บรรยากาศโดยรอบภายใน 浙江工商大学 zhèjiānggōngshāngdàxué




สวนสนุกในหางโจว 杭州乐园 hángzhōulèyuán ที่เมืองไทยเสียวและสนุกกว่าเยอะเลยค่ะ คำว่า 乐园lèyuán หมายถึงสวนสนุกนะค่ะ




พิพิธภัณฑ์หางโจว 杭州博物馆 hángzhōubówùguǎn คำว่าพิพิธภัณฑ์ในภาษาจีนก็คือ 博物馆 bówùguǎn



动物园 dòngwùyuán หรือสวนสัตว์ สัตว์จะอยู่กันอย่างค่อนข้างแออัด แล้วคนจีนบางคนก็ไม่ค่อยจะรักษาความสะอาดซักเท่าไหร่ทำให้มีการทิ้งขยะอยู่เกลื่อนกลาด จากภาพก็นำสัตว์มาฝาก 2 ชนิดคือ 熊猫 xióngmāo หมีแพนด้า และ 大象 dàxiàng ช้าง




บรรยากาศโดยรอบภายในทะเลสาบซีหู 西湖xīhú ซึ่งชอบไปขี่จักรยานเล่น แม้จะเหนื่อยไปสักหน่อยแต่ก็สนุกดีค่ะ

9/08/2009

เมืองจำลองสามก๊กในประเทศจีน

หลังจากที่เรียนกันมาได้สักพัก ก็เริ่มไม่รู้จะโม้อะไรให้ฟัง วันนี้จึงเก็บภาพสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองจีนที่มีโอกาสได้ไปมาฝากกัน

เริ่มจากสถานที่แรกเลยคือ เมืองจำลองสามก๊ก หรือในภาษาจีนก็คือ 三国城 sānguóchéng อยู่ในมณฑลเจียงซู 江苏省 jiāngsūshěng เมืองอู๋ซี 无锡 wúxī ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ของจีน มีหนังดังๆ หลายเรื่องมาถ่ายที่นี่แต่ก็จำไม่ได้เหมือนกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง






อ๊ะอ๊ะอ๊ะ...อยากรู้แล้วซิว่าสถานที่ต่อไปจะเป็นที่ไหน คงต้องติดตามตอนต่อไปนะค่ะ เพราะหากนำมาหมดเดี๋ยวจะไม่มีอะไรหากิน