12/25/2009

การออกเสียง 一 และ 不

圣诞节快乐 สุขสันต์วันคริสต์มาส ทุกคนเลยนะค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆ ปีนึงช่างผ่านไปเร็วจริงๆ นะค่ะ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันส่งท้ายปี แล้วก็วันขึ้นปีใหม่แล้ว

เวลาเป็นสิ่งที่ไปแล้วไม่หวนกลับมา หรือในภาษาจีนก็คือ 时间是一去不复返 shíjiān shì yí qù bú fù fǎn เมื่อพูดถึงประโยคนี้ก็นึกขึ้นได้พอดีเกี่ยวกับการออกเสียง 一 และ 不 ซึ่งมีหลักการออกเสียงที่เราต้องจำดังนี้ คือ

一 เมื่ออยู่ตามลำพังให้ออกเป็นเสียงวรรณยุกต์เสียงที่หนึ่ง คือ yī

เมื่ออยู่หน้าพยางค์หรือคำที่ออกเสียงวรรณยุกต์เสียงที่สี่ ให้ออกเป็นเสียงวรรณยุกต์เสียงที่สองคือ yí เช่น 一个 อ่านว่า yígè

เมื่ออยู่หน้าพยางค์หรือคำที่ออกเสียงวรรณยุกต์เสียงที่หนึ่ง สอง หรือสาม ให้ออกเป็นเสียงวรรณยุกต์เสียงที่สี่ คือ yì เช่น 一张 อ่านว่า yìzhāng , 一瓶 อ่านว่า yìpíng , 一本 อ่านว่า yìběn

ส่วน 不 ปกติจะอ่านออกเสียงวรรณยุกต์เสียงที่สี่ คือ bù แต่ถ้าพยางค์หรือคำที่ตามหลัง 不 นั้นเป็นเสียงวรรณยุกต์เสียงที่สี่ 不 ต้องเปลี่ยนไปอ่านเป็นเสียงวรรณยุกต์เสียงที่สอง คือ bú เช่น 不是 ต้องอ่านว่า búshì

บางครั้งเรื่องเล็กๆ ในการออกเสียงที่เรามองข้ามไป อาจเป็นปัญหาใหญ่สำหรับการสื่อสารก็เป็นได้ ฉะนั้นออกเสียงคราวหน้าก็อย่าลืมออกให้ถูกกันนะค่ะ

12/19/2009

สั่งอาหาร 点菜

วันนี้มีคลิปดีๆ เกี่ยวกับการสั่งอาหารมาฝาก ลองไปฟังกันดู




ส่วนเรื่องอาหารการกินในประเทศจีน แต่ละท้องที่ก็จะมีอาหารที่แตกต่างกันออกไป ทั้งรสชาติและหน้าตาของอาหาร พูดถึงเรื่องอาหารแล้วก็หิวขึ้นมาทันที

ถ้ามีโอกาสได้ไปเมืองจีนแล้วก็ต้องลองสั่งให้เห็นของจริงกันไปเลย ภาพจะได้ติดตาแล้วจะจำได้ว่าอาหารแต่ละอย่างนั้นเรียกว่าอะไร เพราะชื่อเมนูอาหารบางอย่างก็ไม่สามารถแปลได้ตรงตัวตามพจนานุกรม

ตอนอยู่ที่เมืองจีนจึงได้แค่เพียงเปิดดิกส์ว่าอ่านเป็นพินอินว่าอะไรก็เท่านั้น เพราะถ้าแปลออกมาแล้วคงตลกพิลึก ฉะนั้นขอย้ำว่าให้สั่งดูเลยแล้วจะซึมซับเข้าไปเอง

ฉะนั้นในที่นี้จะขอบอกเฉพาะเมนูอาหารที่พอจะแปลตรงตัวได้ ส่วนเมนูจานที่ไม่เคยสั่งก็นึกไม่ออกว่าหน้าตาเป็นยังไงจึงอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน

糖醋鱼 tángcùyú ปลาเปรี้ยวหวาน
酸辣汤 suānlàtāng ต้มยำ
鱼香肉丝 yúxiāngròusī หมูเส้นผัดพริก (เมนูนี้เคยสั่งกินบ่อยๆ คือจะมีเนื้อหมูที่หั่นเป็นเส้นๆ นำไปผัดใส่ผักที่หั่นเป็นเส้นๆ รสชาติจะออกเผ็ดหน่อยๆ)

ส่วนเมนูอื่นๆ คงต้องไปเสิร์ชหาภาพจากกูเกิ้ลดูล่ะกันนะค่ะ

ปล. เมนูอาหารชนิดเดียวกันแต่ต่างท้องที่อาจมีสีสัน หน้าตา และรสชาติต่างกันได้ เพราะขนาดที่เคยสั่งในเมืองเดียวกันแต่คนละร้านรสชาติและหน้าตายังต่างกันมากมาย

ขอจบเพียงเท่านี้ก่อน เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งหิวค่ะ

12/18/2009

เพลง Jingle Bell ภาษาจีน

อีกสัปดาห์ก็จะถึงวันคริสต์มาสแล้ว ก็เลยนำเพลงน่ารักๆ มาฝาก ซึ่งวันคริสต์มาสในภาษาจีนก็คือ 圣诞节 shèngdànjié ส่วนแซนตาครอสก็ shèngdànlǎorén ลองไปฟังดูนะค่ะ



ช่วงนี้ต้องขอโทษทีที่แอบขี้เกียจเขียนบล็อก

12/09/2009

เจ็บป่วย 生病

มัวแต่บอกให้คนอื่นดูแลรักษาสุขภาพ แต่วันนี้ตัวเองดันมาเป็นหวัดซะเองนี่ แม้จะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่แต่ก็ยังสามารถโยงเข้าไปเรื่องเรียนได้ซะงั้น

หลายคนที่เคยอ่านบล็อกนี้มาก็คงยังไม่ลืมหรอกนะค่ะ ว่าคำว่าเป็นหวัดคืออะไร ถ้าใครลืมก็กลับไปทบทวนในบทความเรื่อง ไม่สบาย กันนะค่ะ เผือจะเรียกความทรงจำกลับคืนมาได้

แต่วันนี้นอกจากจะเป็นหวัดแล้ว ยังเจ็บคอ แล้วก็มีไข้นิดหน่อยก็เลยจะมาขอเพิ่มคำศัพท์ภาษาจีนมาให้ปวดหัวกันอีกนั่นคือ
嗓子疼 sǎngziténg เจ็บคอ
发烧 fāshāo เป็นไข้
และที่ขาดไม่ได้ก็ต้องมีอาการ
咳嗽 késou ไอ
打喷嚏 dǎpēntì จาม
鼻塞 bísè คัดจมูก
流鼻涕 liúbítì น้ำมูกไหล

12/04/2009

สมัครงาน

บทสนทนาสั้นๆ อีกบท ที่เขียนสั้นแบบนี้ไม่ใช่อะไรหรอก ก็เพราะนึกไม่ออกยังไงล่ะ ถ้านึกออกก็คงเขียนได้ยาวยืดไม่รู้จบไปแล้ว ไปดูกันเลยดีกว่า เผื่อจะได้คำศัพท์เพิ่มมาสักคำสองคำก็ยังดี

今天我去一家公司应聘?วันนี้ฉันไปสมัครงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง
结果是怎么样呢?ผลเป็นอย่างไรบ้าง
明天去那儿面试才知道。พรุ่งนี้ไปที่นั่นสัมภาษณ์ถึงจะทราบ
那你怎么准备呢? งั้นคุณเตรียมตัวอย่างไรล่ะ
还不知道,现在我真没有自信。ยังไม่รู้เลย ตอนนี้ฉันไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยจริงๆ
你不要紧张。加油!加油!คุณไม่ต้องตื่นเต้นหรอก สู้ๆ สู้ๆ
谢谢!ขอบคุณนะค่ะ

คำศัพท์

应聘 yìngpìn สมัครงาน ซึ่งจะตรงข้ามกับอีกคำคือ 招聘 zhāopìn รับสมัครงาน, ประกาศรับสมัครงาน
结果 jiéguǒ ผล, ผลลัพธ์
面试 miànshì สัมภาษณ์, สัมภาษณ์งาน
准备 zhǔnbèi เตรียม, เตรียมตัว
自信 zìxìn ความมั่นใจในตัวเอง
紧张 jǐnzhāng ตื่นเต้น
加油 jiāyóu สู้ๆ หรือถ้าเป็นความหมายแบบตรงตัวเลยก็คือ เติมน้ำมัน

สนทนาภาษาจีน

เนื่องจากไม่ได้เรียนภาษาจีนกันไปนาน วันนี้นึกอะไรออกก็เอามาเขียนไว้ เป็นเพียงแค่บทสนทนาภาษาจีนสั้นๆ ค่ะ ลองเรียนกันดูนะค่ะ

你觉得汉语越学越有意思吗?คุณรู้สึกว่าภาษาจีนยิ่งเรียนยิ่งสนุกไหม
是的,但是有点儿难。ใช่ค่ะ แต่ยากไปหน่อย
那为什么你还要继续学习呢?ถ้าอย่างนั้น ทำไมคุณยังคงเรียนต่อล่ะ
因为我爱上了汉语吧。เพราะฉันหลงรักภาษาจีนเข้าแล้วมั้ง
那我相信,你的汉语一定会进步的。ถ้าอย่างนั้นฉันเชื่อว่า ภาษาจีนของคุณจะก้าวหน้าอย่างแน่นอน
你别这么夸我。คุณอย่าชมฉันแบบนี้
我不是夸你的,只是说实话而已。ฉันไม่ได้ชมคุณ ก็แค่พูดความจริงเท่านั้น

อธิบายคำศัพท์ภาษาจีน

觉得 juéde รู้สึก
越...越 yue...yue ยิ่ง...ยิ่ง
有意思 yǒuyìsi สนุก
继续 jìxù ต่อ, ต่อเนื่อง
进步 jìnbù ก้าวหน้า, พัฒนา
夸 kuā ชม,ชมเชย
说实话 shuōshíhuà พูดความจริง

父亲节

明天就是父亲节了,你们有什么礼物给父亲吗?
พรุ่งนี้ก็วันพ่อแล้ว มีของขวัญอะไรจะให้พ่อกันหรือเปล่า หลีเองก็ไม่มีอะไรจะให้เหมือนกัน แค่ไม่ลืมว่าพรุ่งนี้คือวันพ่อก็พอแล้ว ที่รีบมาเขียนก่อนวันนี้ก็เพราะกลัวว่าถึงพรุ่งนี้แล้วจะลืมไง เป็นประเภทความจำสั้น แต่รักฉันยาวมันก็อย่างนี้แหละ คิดได้ต้องรีบเขียน

พอวันเทศกาลมาถึงสิ่งที่ชอบที่สุดของหลายๆ คนเห็นจะเป็นวันหยุดต่อเนื่องนี่แหละ เพราะจะได้พักผ่อนกันจากการตรากตรำทำงานหนัก หรือจากการเรียนที่เคร่งเครียดมาตลอด

ยังไงก็ต้องรักษาสุขภาพกันให้ดีนะค่ะ เพราะอากาศช่วงนี้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ระวังจะเป็นหวัดกันนะค่ะ อย่าลืมออกกำลังกายด้วยค่ะ ร่างกายจะได้แข็งแรง และมีแรงเรียนภาษาจีนกันต่อไป

12/01/2009

เพลง 心墙

พอดีมีน้องคนหนึ่งส่งลิงค์เพลงนี้มาให้แปล ก็เลยลองแปลดู อาจจะฟังดูไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไหร่นัก ถ้าเพื่อนๆ หรือผู้รู้ท่านใดผ่านมาเห็นก็ช่วยชี้แนะกันด้วยนะค่ะ คราวหน้าสำนวนการแปลจะได้ดีขึ้น

ถ้ายังไงลองไปฟังเพลงนี้ดูนะค่ะ




เนื้อเพลง 心墙 กำแพงใจ

一个人
คนเดียว
眺望碧海和蓝天
มองไปบนฟ้าสีครามและทะเลสีมรกต
在心里面
ภายในจิตใจ 
那抹灰就淡一些
ซึ่งฉาบด้วยสีเทาก็จางลง
海豚从眼前飞越
ปลาโลมาซึ่งทะยานขึ้นต่อหน้า
我看见了最阳光的笑脸
ฉันมองเห็นใบหน้าอันยิ้มแย้มของแสงอาทิตย์
好时光都该被宝贝
เวลาที่ดีควรถูกทะนุถนอม
因为有限
เพราะว่ามันมีจำกัด
我学着不去担心得太远
ฉันเรียนรู้ว่าจะไม่เป็นห่วงให้ไกลเกิน
不计划太多
ไม่คิดไปก่อนให้มากไป 
反而能勇敢冒险
กลับต้องกล้าหาญฝ่าอันตราย
丰富地过每一天 
ใช้ชีวิตอย่างเต็มเปี่ยมทุกคืนวัน
快乐地看每一天
มองอย่างมีความสุขทุกวันคืน
Wooh~
第一次遇见阴天遮住你侧脸
ครั้งแรกที่พบเจอความมืดครึ้มที่บดบังใบหน้าเธอ
有什么故事好想了解
มีเรื่องราวบางอย่างเหมือนว่าจะเข้าใจ
我感觉我懂你的特别
ฉันรู้สึกว่าเข้าใจความพิเศษของเธอ
你的心有一道墙 
ใจของเธอนั้นมีกำแพงกั้น
但我发现一扇窗
แต่ทว่าฉันพบหน้าต่างอยู่บานหนึ่ง
偶尔透出一丝暖暖的微光
บางครั้งแสงอันอบอุ่นก็ส่องทะลุออกมา
就算你有一道墙
ก็คือเธอที่มีกำแพงกั้น
我的爱会攀上窗台盛放
รักของฉันจะปีนป่ายไปวางไว้บนขอบหน้าต่าง
打开窗你会看到悲伤融化
เปิดหน้าต่างแล้วเธอจะเห็นถึงความเศร้าที่มลายไป
我学着不去担心得太远
ฉันเรียนรู้ว่าจะไม่เป็นห่วงให้ไกลเกิน
不计划太多 
ไม่คิดไปก่อนให้มากไป 
反而能勇敢冒险
กลับต้องกล้าหาญฝ่าอันตราย
丰富地过每一天 
ใช้ชีวิตอย่างเต็มเปี่ยมทุกคืนวัน
快乐地看每一天
มองอย่างมีความสุขทุกวันคืน
Wooh~
第一次遇见阴天遮住你侧脸
ครั้งแรกที่พบเจอความมืดครึ้มที่บดบังใบหน้าเธอ
有什么故事好想了解
มีเรื่องราวบางอย่างเหมือนว่าจะเข้าใจ
我感觉我懂你的特别
ฉันรู้สึกว่าเข้าใจความพิเศษของเธอ
你的心有一道墙 
ใจของเธอนั้นมีกำแพงกั้น
但我发现一扇窗
แต่ทว่าฉันพบหน้าต่างอยู่บานหนึ่ง
偶尔透出一丝暖暖的微光
บางครั้งแสงอันอบอุ่นก็ส่องทะลุออกมา
就算你有一道墙
ก็คือเธอที่มีกำแพงกั้น
我的爱会攀上窗台盛放
รักของฉันจะปีนป่ายไปวางไว้บนขอบหน้าต่าง
打开窗你会看到悲伤融化
เปิดหน้าต่างแล้วเธอจะเห็นถึงความเศร้าที่มลายไป
你的心有一道墙 
ใจของเธอนั้นมีกำแพงกั้น
但我发现一扇窗
แต่ทว่าฉันพบหน้าต่างอยู่บานหนึ่ง
偶尔透出一丝暖暖的微光
บางครั้งแสงอันอบอุ่นก็ส่องทะลุออกมา
就算你有一道墙
ก็คือเธอที่มีกำแพงกั้น
我的爱会攀上窗台盛放
รักของฉันจะปีนป่ายไปวางไว้บนขอบหน้าต่าง
打开窗你会看到悲伤融化
เปิดหน้าต่างแล้วเธอจะเห็นถึงความเศร้าที่มลายไป
你会闻到幸福晴朗的芬芳
เธอจะได้สัมผัสถึงกลิ่นอายของฟ้าที่แจ่มใส

11/25/2009

นำศัพท์จีนมาฝาก

ไม่ได้นำคำศัพท์มาฝากกันนานเลย มัวแต่เอาเพลงมาใส่ให้ฟังกัน วันนี้จึงถือโอกาส ฤกษ์งามยามดีก่อนที่ทุกคนจะลืมเลือนภาษาจีนกันไปซะก่อน แต่ก็มีแค่ไม่กี่คำ ถ้ายังไงลองจำกันดูนะค่ะ

招聘(zhāopìn) รับสมัครงาน
应聘(yīngpìn) สมัครงาน
辞职(cízhí) ลาออกจากงาน
解雇(jiěgù) เลิกจ้าง
炒鱿鱼(chǎoyóuyú) ไล่ออกจากงาน (คำนี้จะเป็นคำแสลง ซึ่งความหมายตรงตัวจะแปลว่า ผัดปลาหมึก)
工作(gōngzuò) งาน, ทำงาน (คำนี้เป็นได้ทั้งคำกริยา และคำนาม)
职业(zhíyè) อาชีพ

11/23/2009

冬天到了

ฤดูหนาวมาถึงแล้ว อย่าลืมดูแลสุขภาพกันให้ดีนะค่ะ อากาศหนาวๆ อย่างนี้อาจจะมีอารมณ์เหงาๆ ขึ้นมาได้ ถ้าอยากคลายเหงาก็ไปฟังเพลงเพราะๆ กันดีกว่า



เพลงนี้มีชื่อว่า 静静的 jìngjìngde หรือแปลว่า เงียบๆ ไม่รู้ว่ายิ่งฟังจะยิ่งเหงา หรือพอจะคลายเศร้าได้บ้างหรือเปล่า แต่อากาศแบบนี้ก็เหมาะกับการฟังเพลงช้าๆ แบบนี้แหละได้บรรยากาศดี

11/20/2009

การอ่าน 得

บางครั้งภาษาจีนก็มีคำมาให้เราคอยปวดหัวอยู่เหมือนกัน เช่น 得 คำๆ เดียว ซึ่งอ่านได้ทั้ง de,dé,děi แล้วเราควรอ่านอย่างไรถึงจะถูกล่ะ จำง่ายๆ คือ

อ่านว่า de เมื่อวางอยู่หลังคำกริยา เช่น 他汉语说得很流利。tā hànyǔ shuō de hěn liúlì. เขาพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว

อ่านว่า dé จะมีความหมายว่าได้รับ เช่น 他得到了奖学金。tā dédào le jiǎngxuéjīn. เขาได้รับทุนการศึกษาแล้ว

อ่านว่า děi เมื่อวางอยู่หลังประธาน ซึ่งจะมีความหมายว่าต้อง เช่น 我得去上课了。 wǒ děi qù shàngkè le. ฉันต้องไปเรียนแล้ว

คงพอจะมีประโยชน์ต่อใครที่กำลังงงอยู่บ้างนะค่ะ คราวหน้าคงอ่านกันได้ถูกนะค่ะ

洗 ในภาษาจีน

คำว่า 洗 xǐ ในภาษาจีน นั้นเป็นคำกริยา แต่ถ้าแปลเป็นไทยแล้วก็จะได้ความหมายต่างๆ มายมายทั้ง ล้าง, ซัก, สระ หรืออาบ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคำที่ตามหลัง เช่น

洗澡 xǐzǎo อาบน้ำ
洗脸 xǐliǎn ล้างหน้า
洗手 xǐshǒu ล้างมือ
洗头 xǐtóu สระหัว / สระผม
洗衣服xǐyīfu ซักผ้า
洗衣机xǐyījī เครื่องซักผ้า
洗碗 xǐwǎn ล้างจาน

ดูๆ ไปภาษาจีนก็ยังพอมีความง่ายอยู่บ้าง เพราะแค่คำกริยาคำเดียวก็สามารถแปลเป็นไทยได้มากมาย

11/18/2009

เพลง 熟悉的温柔

ช่วงนี้ไม่รู้จะเขียนอะไร ถือว่าเป็นช่วงฟังเพลงไปก่อนละกัน อาจจะเก่าสักหน่อยแต่ก็ยังเพราะอยู่นะ



我 总是一个人走
บ่อยครั้งที่ฉันเดินคนเดียว
心里 却充满空洞
แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยช่องว่าง
用太多借口
มีข้ออ้างมากมาย
来弥补寂寞
มาชดเชยความเงียบเหงา
却无法找回自由
แต่ไม่มีทางหาอิสระคืนมา
*爱 曾经擦身而过
รักที่เคยเฉียดผ่านไป
喜欢 在记忆里停留
ชอบที่จะหยุดอยู่ในความทรงจำ
习惯搜寻你的
เคยชินกับการค้นหาเธอ
只要你就足够
ขอเพียงเธอก็พอ
原来我们一直曾在那
เดิมทีเราสองอยู่ใน
最美的时候
เวลาอันงดงามที่สุด
**你熟悉的温柔
ความอบอุ่นที่คุ้นเคยของเธอ
从不曾离开我
แต่ไหนไม่เคยออกห่างจากฉัน
在我眼里看到什么
ในตาฉันเห็นอะไร
全部都是你的笑容
ทั้งหมดล้วนเป็นรอยยิ้มของเธอ
我终于明白
ในที่สุดฉันก็เข้าใจ
你一定会是我幸福的执著
เธอเป็นที่ยึดเหนี่ยวแห่งความสุขของฉัน
这一次
ครั้งนี้
我不会放手
ฉันจะไม่วางมือ
(* , **)
感觉不曾变过
ความรู้สึกไม่เคยเปลี่ยนไป
时间不再转动
เวลาไม่หมุนกลับอีก
就为了你和我
ก็เพื่อฉันและเธอ
你熟悉的温柔
ความอบอุ่นที่คุ้นเคยของเธอ
从不曾离开我
แต่ไหนไม่เคยออกห่างจากฉัน
在你心底
ณ ก้นบึ้งของใจเธอ
看到拥有
เห็นได้ว่า
你也一直在等着我
เธอก็รอคอยฉันมาตลอดเหมือนกัน
再多的语言
ภาษา(คำพูด)อีกมากมาย
也很难去表达
ก็ยากที่จะแสดงออกมา
这一份承诺
คำมั่นสัญญานี้
我不会放手
ฉันจะไม่วางมือ
我要勇敢的
ฉันต้องกล้าหาญ
爱着你
ที่จะรักเธอ

11/15/2009

เพลง 爱不在

ขอขอบคุณ คุณมล
ที่เอาเพลง 爱不在 มาให้แปล เลยลองแปลแล้วก็เขียนเป็นบทความใหม่ซะเลย จะได้ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้ดูด้วย



坐在这角落 心里很多话想说
นั่งอยู่ ณ มุมนี้ ในใจมีคำพูดมากมายที่อยากเอ่ย
我和你的错 就是舍不得放手
ความผิดของฉันและเธอ คือทนไม่ได้(ตัดใจไม่ได้)ที่ต้องวางมือ
深爱你的我 早就应该让你自由
ฉันคนนี้ที่รักเธอมากมาย ก็ควรให้อิสระเธอนานแล้ว
知道我以后 需要一直往前走
รู้ว่าภายหลังฉัน จำต้องเดินตรงไปข้างหน้า
也许是越在乎 越会彼此的伤害
บางทียิ่งห่วงใย ยิ่งเจ็บปวดกันทั้งสองฝ่าย
这样的爱情 又算是什么
ความรักแบบนี้ คืออะไรกัน
爱不在 应该让自己从回忆中离开
รักไม่อยู่ ควรให้ตัวเองห่างจากการหวนคิดถึง
爱不在 我们都已不存在彼此未来
รักไม่อยู่ สองเราไม่เหลือไว้ซึ่งอนาคต
有时候 对爱有太深太多依赖
บางครั้ง รักนั้นต้องพึ่งพาอะไรมากมาย
好像已失去在这世界 还能够 孤单的自由
เหมือนว่าตายจากโลกนี้แล้ว ยังคงโดดเดี่ยวเดียวดาย
是曾经有的梦 现在只剩一场空
ความฝันที่เคยมี บัดนี้เหลือเพียงความว่างเปล่า
心里好多疑问 你忘了你的承诺
คำถามมากมายภายในใจ เธอลืมคำสัญญาของเธอเอง
笑我自己没有用 眼泪无言的流下来
น่าขันที่ฉันเองใช้ไม่ได้ น้ำตาไหลพรากยากจะเอ่ย
迟早还是要面对 这段感情的伤痛
ช้าเร็วก็ยังต้องเผชิญหน้า กับความรู้สึกเจ็บปวดนี้
是因为越在乎 给彼此伤害更多
เพราะยิ่งห่วงใย ทั้งสองฝ่ายยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น
有了距离以后 看到不同的你和我
หลังจากห่างไกลกัน จึงเห็นสิ่งที่ต่างระหว่างฉันกับเธอ
爱不在 慢慢让自己从回忆中离开
รักไม่อยู่ ค่อยๆ ทำให้ตัวเองห่างจากการหวนคิดถึง
爱不在 我们都已不存在彼此未来
รักไม่อยู่ สองเราไม่เหลือไว้ซึ่งอนาคต
有时候 对你还是会有关怀
บางครั้ง ยังคงมีความเป็นห่วงเธอ
可是心里已经太明白
แต่ในใจย่อมเข้าใจดี
不是爱 不是爱
ไม่ใช่รัก ไม่ใช่รัก
爱不在 应该让自己从回忆中离开
รักไม่อยู่ ควรให้ตัวเองห่างจากการหวนคิดถึง
爱不在 我们都已不存在彼此未来
รักไม่อยู่ สองเราไม่เหลือไว้ซึ่งอนาคต
有时候 不管对爱有多少的依赖
บางครั้ง ไม่ว่ารักต้องพึ่งพาอะไรตั้งมากมาย
就算再不愿意再伤心
ก็ไม่ควรยอมให้เจ็บปวดใจอีก
我明白 我们只能放手
ฉันเข้าใจ พวกเราได้เพียงวางมือ
爱不在
รักไม่อยู่

11/14/2009

大家好

สวัสดีทุกๆ คนนะค่ะ คือว่าช่วงนี้อยู่ต่างจังหวัด เน็ตทั้งช้า ทั้งต้องจำกัดชั่วโมงการเล่น เลยไม่ได้เข้ามาอัพเดทเลย อย่าเพิ่งน้อยใจกันนะค่ะ วันนี้พอมีเวลาเลยแวะเข้ามาทัก ยังไงก็อย่าเพิ่งลืมกันนะค่ะ เดี๋ยวกลับกรุงเทพฯ แล้วจะหาเนื้อหาใหม่ๆ มาใส่ให้

ส่วนตอนนี้ก็อย่าทิ้งภาษาจีนกันนะค่ะ เรียนจากบทความเก่าๆ หรือทบทวนกันไปพลางๆ ก่อนค่ะ แล้วเจอกันค่ะ
再见!

11/04/2009

เรียนภาษาจีน กับ CCTV

รายการ Happy China ทาง CCTV เป็นรายการที่ชอบดูมากๆ เมื่อตอนที่เรียนอยู่จีน เพราะเป็นรายการที่ดีมากๆ ที่ช่วยพัฒนาทักษะด้านการฟังภาษาจีนของเราให้ดีขึ้น

วันนี้จึงนำมาฝากเพื่อนกัน เราไปเที่ยว และไปดูความเจริญของเซี่ยงไฮ้ รวมทั้งเรียนภาษาจีนไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ




ฟังเพลงพินอิน

มาฟังเพลงพินอินน่ารักๆ กันดีกว่า จะได้รู้ว่าเสียงวรรณยุกต์ต่างๆ ในภาษาจีนต้องออกเสียงอย่างไร




11/02/2009

พยากรณ์อากาศ ประเทศจีน

วันนี้มีเว็บการพยากรณ์อากาศในประเทศจีนมาฝาก ใครที่กำลังจะเดินทางไป หรืออยู่ในประเทศจีนแล้วต้องการตรวจสอบสภาพอากาศก็เข้ามาได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ

พยากรณ์อากาศ 天气预报 tiānqìyùbào

ช่วงนี้อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลง อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะค่ะ แล้วว่างๆ จะนำคำศัพท์เกี่ยวกับการพยากรณ์อากาศมาฝาก

ไหนๆ ก็เข้ามาในวันนี้พอดีเลย ก็ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันลอยกระทง และแถมคำศัพท์ให้อีกหนึ่งคำคือ วันลอยกระทง 水灯节 shuǐdēngjié

10/31/2009

วันฮัลโลวีน 万圣节

วันเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวสิ้นเดือนอีกแล้ว แต่ทุกสิ้นเดือนนี้ (ตุลาคม)ของทุกปีก็จะเป็นวันฮัลโลวีน ซึ่งในภาษาจีนวันฮัลโลวีนก็คือ 万圣节 wànshèngjié บางครั้งก็อาจเรียกว่า 鬼节 guǐjié

ตอนนี้ใครกำลังอยู่คนเดียวระวังผีหลอกนะ...ล้อเล่นอ่ะ เทศกาลนี้เป็นของพวกฝรั่งเลยไม่ค่อยรู้อะไรมาก รู้แค่เป็นวันปล่อยผี แต่ก็ไม่รู้จะปล่อยไปบ้านใครบ้าง แต่อย่ามาบ้านเราล่ะกัน เพราะอ่อนอังกฤษเดี๋ยวจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ส่วนผีจีน ผีไทย ก็ไม่ต้องมานะ เพราะเราไม่ว่างคุยด้วย

แวะเอาคำศัพท์วันฮัลโลวีนมาบอกกันเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไปแล้วนะค่ะ แล้วเจอกันในเทศกาลต่อไป

10/25/2009

เรื่องยุ่งยากของคนเรียนจีน

ทุกคนที่กำลังเรียนภาษาจีนกันอยู่ ล้วนต้องเคยพบกับปัญหายุ่งยากต่างๆ ในการเรียนภาษาจีน ไม่ว่าจะเป็นการออกเสียงพินอิน การฟัง การอ่าน การเขียน แต่สิ่งที่อยากบอกทุกคนก็คือว่า คุณไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางนั้นเพียงลำพัง เพราะครั้งหนึ่งที่หลีได้เริ่มต้นเรียน ก็มีปัญหาต่างๆ เหล่านี้เช่นกัน

แม้แต่ทุกวันนี้ที่อยู่กับภาษาจีนมาหลายปีก็ยังมีปัญหา ถึงจะไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับภาษาจีนก็ยังต้องอ่าน ต้องฟังอยู่เป็นประจำ เพราะถ้าจะทิ้งสิ่งที่เคยเรียนมาก็รู้สึกเสียดาย ขอให้ทุกคนสู้ๆ นะค่ะ 加油!加油!jiāyóu! jiāyóu! หลีจะคอยเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ

แล้วถ้ามีอะไรที่หลีพอจะช่วยได้ก็ขอให้บอกได้เลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจนะค่ะ

10/22/2009

การเรียนที่จีน

หลายคนที่ไม่ได้เรียนเอกภาษาจีน แต่เรียนตามสถาบันสอนภาษาจีนอาจคิดว่าการเรียนที่ไทยนั้นเป็นไปอย่างช้าๆ เพราะว่าเรียนได้แค่สัปดาห์ละไม่กี่ชั่วโมง และเมื่อเรียนถึงระดับที่สูงขึ้นแล้วจำนวนคนที่เรียนก็น้อยลงจนทำให้สถาบันสอนภาษาจีนต่างๆ เหล่านั้นไม่สามารถเปิดสอนได้ จึงคิดที่จะไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนแทน

เราก็เป็นคนหนึ่งที่คิดอย่างนั้น เพราะการเรียนที่จีนนั้นจะได้เรียนทุกวัน รวมทั้งได้อยู่ในบรรยากาศที่บังคับให้เราต้องพูดภาษาจีนด้วย การใช้ชีวิตก็ต้องใช้ภาษาจีน ต้องดูหนัง-ฟังเพลงจีน ทำให้การฟังพัฒนาขึ้น

การเรียนที่จีนนั้น ถ้าไม่ได้เรียนเป็นหลักสูตรปริญญา หรือประกาศนียบัตร ก็จะมีเรียนแค่ตอนเช้า พอบ่ายก็ว่างแล้ว แต่บางมหาลัยก็อาจดีหน่อยที่มีกิจกรรมให้ทำตอนบ่าย ส่วนใหญ่ก็จะขึ้นอยู่กับจำนวนนักเรียนว่ามีมากพอที่จะเปิดสอนตอนบ่ายได้มั้ย

แต่ถ้าใครมีเพื่อนคนจีนล่ะก้อ ขอแนะนำว่าลองขอตามไปนั่งฟังในห้องเรียนกับเค้าดูซิ แล้วจะรู้ว่าจริงๆ แล้วเราฟังคนจีนรู้เรื่องมากน้อยแค่ไหน เพราะอาจารย์คนจีนที่สอนนักเรียนต่างชาติกับอาจารย์คนจีนที่สอนนักเรียนจีนนั้น ระดับความเร็วในการพูดต่างกันมากมาย จากการที่เคยลองไปนั่งฟังมาก็มึนพอสมควร เพราะเค้าจะพูดเร็วมาก แถมเขียนหวัดอีกอ่านไม่ออกเลย

อาจารย์ที่สอนนักเรียนต่างชาติ จะมีความเข้าใจและใส่ใจว่าเราฟังรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่อง ฉะนั้นการเรียนในห้องเรียนเชื่อได้เลยว่าเราสามารถที่จะฟังรู้เรื่องได้เกือบทั้งหมด ซึ่งต่างกับการเรียนนอกห้องเรียนที่ไม่มีใครมาคอยอธิบายให้เราฟัง เราจะต้องเรียนรู้ด้วยการออกไปได้ยิน ได้ฟัง คนข้างนอกพูดบ่อยๆ เพื่อให้เคยชินกับสำเนียงนั้นๆ

อันนี้เกิดจากประสบการณ์ตรงเลยจริงๆ นะค่ะ ที่เวลาเรียนทำไมเราเข้าใจได้เกือบหมด แต่พอออกไปข้างนอก แม้บางครั้งคนจีนใช้แค่ประโยคภาษาจีนง่ายๆ ยังบอกให้เค้าช่วยพูดซ้ำกว่าเราจะเข้าใจ แต่เราว่าสำหรับคนต่างชาติอย่างเราๆ แล้วก็คงไม่แปลกอะไรเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าคนจีนมีมากมายหลายหลายสำเนียง แม้กระทั่งบางครั้งคนจีนด้วยกันเองแต่มาจากต่างภาคยังฟังกันไม่รู้เรื่องเลย

วันนี้ก็ดึกมากแล้วงั้นเราขอเล่าแค่นี้ก่อนนะ แล้วจะมาเล่าให้ฟังต่อ

10/19/2009

ทุนเรียนจีน (หมดเขต 15 พ.ย. 52)

เนื่องจากอาจมีหลายคนกำลังหาทุนเรียนจีนอยู่ วันนี้จึงนำข่าวของศูนย์บ้านจีนมาฝากค่ะ เผื่อจะมีประโยชน์กับผู้ที่สนใจเรียนภาษาจีน ถ้ายังไงก็รีบๆ กันหน่อยนะค่ะ เพราะกำหนดชิงทุนสิ้นสุดวันที่ 15 พ.ย. 52
ขยายเวลารับสมัครสอบชิงทุน ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 52

ศูนย์บ้านจีน มอบทุนเรียนภาษาจีน เทอมมีนาคม 2553 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสนับสนุนให้นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจทั่วไป หันมาศึกษาภาษาจีนเพิ่มมากขึ้น และทางศูนย์ฯเล็งเห็นความสำคัญของภาษาจีนที่กำลังแพร่ขยายไปทั่วโลก จึงได้ดำเนินการจัดสอบโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ลักษณะของทุน ทุนการศึกษานี้เป็นทุนเรียนภาษาจีน แบบให้เปล่า โดยจะได้รับการยกเว้นเฉพาะค่าเล่าเรียนเท่านั้น เป็นเวลา 1 เทอม (ประมาณ 4½ เดือน มี.ค. - ก.ค. 2553 โดยค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าหอพัก ค่าตั๋วเครื่องบิน และ ค่าใช้จ่ายในระหว่างเรียน ผู้ได้รับทุนจะต้องออกเอง

ลักษณะการมอบทุนแบ่งออกเป็น 4 ทุน ดังนี้

1. ทุนมหาวิทยาลัย Capital Normal University (เมืองปักกิ่ง) จำนวน 1 ทุน จัดสอบโดยการเขียนเรียงความภาษาไทยตามหัวข้อที่กำหนด โดยจะแจ้งหัวข้อให้ทราบในวันสอบ ซึ่งคุณสมบัติผู้สมัครมีดังต่อไปนี้
- อายุ 20 - 23 ปี
- สัญชาติไทย
- สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว

2. ทุนมหาวิทยาลัย Dalian University of Technology (เมืองต้าเหลียน) จำนวน 1 ทุน จัดสอบโดยการเขียนเรียงความภาษาไทยตามหัวข้อที่กำหนด โดยจะแจ้งหัวข้อให้ทราบในวันสอบ ซึ่งคุณสมบัติผู้สมัครมีดังต่อไปนี้
- อายุ 20 - 23 ปี
- สัญชาติไทย
- สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว

3. ทุนมหาวิทยาลัย Southwestern University of Finance and Economics (เมืองเฉิงตู) จำนวน 1 ทุน หรือ Donghua University เมืองเซี่ยงไฮ้ จัดสอบโดยการเขียนเรียงความภาษาไทยตามหัวข้อที่กำหนด โดยจะแจ้งหัวข้อให้ทราบในวันสอบ ผู้ได้รับทุนจะได้รับการยกเว้นเฉพาะค่าเล่าเรียนเป็นเวลา 3 เดือน (มี.ค.- พ.ค. 2553) ซึ่งคุณสมบัติผู้สมัครมีดังต่อไปนี้
- อายุ 18 - 21 ปี
- สัญชาติไทย
- สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า

4. ทุนสำหรับบุคคลทั่วไป มหาวิทยาลัย Harbin Institute of Technology (เมืองฮาร์บิน) จำนวน 1 ทุน หรือ มหาวิทยาลัย Hangzhou Nornal University จัดสอบโดยการเขียนเรียงความภาษาไทย ตามหัวข้อที่กำหนด โดยจะแจ้งหัวข้อให้ทราบในวันสอบ ซึ่งคุณสมบัติผู้สมัครมีดังต่อไปนี้
- อายุไม่เกิน 30 ปี
- สัญชาติไทย
- สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า

การรับสมัคร ผู้สนใจสามารถสมัครได้ 2 ช่องทาง คือ

1. ยื่นเอกสารการสมัครได้ด้วยตัวเองที่ “ศูนย์บ้านจีน” อาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ ชั้น 2 ห้อง 207 ถ.สุขุมวิท ซอย 2 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพ 10110

2. สมัครทางไปรษณีย์ โดยส่งหลักฐาน มายัง จำกัด อาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ ชั้น 2 ห้อง 207 ถ.สุขุมวิท ซอย 2 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพ 10110

เอกสารที่ใช้ในการสมัครสอบ
- รูปถ่ายหน้าตรง 1 หรือ 2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ
- ใบสมัครขอรับทุน
http://www.banjean.com/uni_doc/20090717012721.doc
- (Transcript) และ สำเนาบัตรนักศึกษา กรณีที่กำลังศึกษาอยู่
- สำเนาบัตรประชาชน (กรณีที่จบการศึกษาแล้ว)
- ค่าธรรมเนียมการสมัครจำนวน 200 บาท

การชำระค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ
- ส่งค่าธรรมเนียมการสมัครผ่าน ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยเพลินจิตเซ็นเตอร์ ชื่อบัญชี
บริษัท ศูนย์ภาษาบ้านจีน จำกัด หมายเลขบัญชี 216-2-09700-0

หมดเขตรับสมัครวันที่ 15 พฤศจิกายน 2552 ทางศูนย์จะแจ้ง วัน เวลา และสถานที่สอบคัดเลือก (รอบ 2) ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2552 ทางเว็บไซต์ http://www.banjean.com

แหล่งที่มา : http://www.banjean.com

ฝึกฟังภาษาจีน

เนื่องจากเว็บ และบล็อกที่ทำอยู่นั้นมีข้อด้อยตรงที่ไม่สามารถออกเสียงให้กับผู้เรียนฟังได้ วันนี้จึงขอแนะนำเว็บสำหรับฝึกฟังภาษาจีน ซึ่งก็มีอยู่มากมายหลายเว็บ แต่ที่ชอบเข้าบ่อยๆ ก็คือ

www.imandarinpod.com ซึ่งมีเรื่องราวต่างๆ มากมายเกี่ยวกับภาษาจีนให้เราฝึกฟังกัน สำหรับผู้เริ่มต้นเรียนที่ไม่ค่อยรู้คำศัพท์อาจจะยากซักหน่อย แต่ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับบทความไว้ให้เราคอยอ่านตาม แล้วก็มีการอธิบายคำศัพท์ภาษาจีนไว้ รวมทั้งมีคำถามไว้ให้เราคอยฝึกตอบด้วย

ไม่ว่าเราจะฟังรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ตามที แต่การฝึกฟังก็มีประโยชน์เพราะจะทำให้เราชินกับสำเนียง และฟังได้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาไปอย่างช้าๆ จนบางครั้งเราก็ไม่รู้ตัว อันนี้ขอคอนเฟิร์มว่าจริงนะค่ะ เพราะบางทีเราอาจยังไม่รู้เรื่องในรอบแรกแต่พอฟังไปหลายๆ รอบก็เริ่มรู้เรื่องขึ้น

ถ้ายังไงก็ลองแวะเข้าไปฟังกันนะค่ะ

10/16/2009

ภาษาจีนเรียนได้ทุกที่

จริงๆ แล้วภาษาจีนนั้นสามารถเรียนและทบทวนได้ทุกที่ทุกเวลา อย่างเช่นวันนี้หลีได้ไปกินอาหารบุฟเฟต์มา ตอนนั่งกินก็นึกไปด้วยว่าในภาษาจีนใช้คำว่าอะไร คำตอบก็คือ 自助餐 zìzhùcān แค่นี้ก็ถือเป็นการทบทวนศัพท์ที่เราเคยรู้มาแล้วค่ะ

ถ้ายังไงถ้าใครได้ไปไหนมา หรือได้ทำอะไรบ้างก็ลองนึกเป็นภาษาจีนดู เพราะจะช่วยให้ผู้ที่เริ่มเรียนจำได้ง่ายขึ้น สมัยนี้พอเห็นอาหารบุฟเฟ่ต์คนก็รอต่อแถวกันยาว ถ้าลองนึกกันดูเล่นๆ หากเราเรียนภาษาจีนแบบบุฟเฟต์ คือเรียนแบบไม่อั้น เรียนได้เท่าไหร่ก็เรียนไป เราคงเก่งภาษาจีนกันแน่ๆ เลยค่ะ

หรืออย่างเมื่อวานได้ฟังเพลงมาแล้วก็จำประโยคมาจดบันทึก เช่น 如果你还爱我,你不会对我如此的冷漠。rúguǒ nǐ hái ài, nǐ bú huì duì wǒ rúcǐ de lěngmò. หากคุณยังรักฉันอยู่ คุณจะไม่เย็นชา/เมินเฉย กับฉันเช่นนี้

10/15/2009

หยุดพัก ฟังเพลงจีน

มาหยุดพัก ฟังเพลงจีนกันดีกว่าค่ะ ผ่อนคลายสมองกันสักหน่อย เพื่อเป็นการชาร์ตแบตตัวเองให้มีแรงเรียนต่อไป

爱我等于爱自己

Kiss Goodbye

勇气

爱的就是你

ได้ฟังเพลงจีน แล้วก็นึกถึงตอนที่เรียนอยู่ที่จีนเหมือนกันค่ะ ที่ได้ไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนๆ กว่าจะกลับกันก็รอจนเค้าปิดเลยค่ะ ก็ประมาณตีสี่นั่นเลยค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาแรงมาจากไหน ถึงอยู่ได้เกือบสว่าง แต่หลังจากกลับมาแล้วก็นอนน็อกกันไปถึงเที่ยงเลย

10/11/2009

ไปเที่ยวกันไหมค่ะ

หน้าหนาวก็ใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าใครชอบเที่ยวแบบนอนเต็นท์ ก็สามารถติดต่อเข้ามาได้นะค่ะ เป็นที่พักในอำเภอวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมาค่ะ ช่วงที่อากาศจะหนาวก็ประมาณปลายพฤศจิกายน-ธันวาคมค่ะ ถ้าใครสนใจหรืออยากอุดหนุนก็เชิญได้ค่ะ หรือใครที่อยากประหยัดก็สามารถนำเต็นท์มาขอกางได้ คิดราคาท่านล่ะ 150 บาทค่ะ

หัวข้อนี้อาจไม่เกี่ยวข้องอะไรกับภาษาจีนนะค่ะ แค่อยากประชาสัมพันธ์ที่พักเท่านั้นค่ะ เผื่อจะได้มีโอกาสเจอกัน แต่หลี(คนเขียนบล็อกนี้)ก็อาจอยู่บ้างไม่อยู่บ้างเหมือนกันค่ะ จะสลับกันไปดูกับพี่อ่ะค่ะ

ภาพบรรยากาศภายในเต็นท์



ถ้าสนใจลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.lalandao.com นะค่ะ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความสงบ อยากหลบความวุ่นวายในเมืองอย่างกรุงเทพฯ แล้วไปใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย พร้อมทั้งตากอากาศเย็นสบายๆ

ร้านตัดผม 理发店

เนื่องด้วยวันนี้ไปตัดผมมาก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนภาษาจีนได้บ้าง ก็เลยขอรำลึกคำศัพท์ที่จำเป็นต้องใช้เกี่ยวกับร้านตัดผมสักหน่อย แต่ก็คิดไม่ค่อยออกเหมือนกันว่ามีอะไรบ้าง เพราะตอนอยู่จีนนั้นเห็นเพื่อนชอบตัดผมกัน แต่เราไม่เคยตัดเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะบอกเฉพาะคำที่พอจำได้ก็แล้วกัน

理发店 / 理发馆 lǐfadiàn / lǐfaguǎn ร้านตัดผม
理发 lǐfa ตัดผม
发型 fàxíng แบบทรงผม
转头发 zhuǎntóufa ดัดผม
吹头发 chuītóufa เป่าผม, ไดร์ผม

เท่าที่นึกออกก็มีประมาณนี้แหละค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ เนื่องจากห่างไกลภาษาจีนมานาน และด้วยเหตุนี้เราจึงต้องฝึกฝนภาษาจีนกันเป็นประจำยังไงละค่ะ ไม่อย่างนั้นถ้าไม่ได้ใช้นานๆ มีลืมเป็นแน่

10/09/2009

เรื่องหมูๆ

เรื่องหมูๆ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องง่ายๆ นะค่ะ แต่หมายถึงเรื่องหมูๆ จริงๆ เรื่องมีอยู่ว่าวันนี้ตอนเช้ากินน้ำแกงเต้าหู้ใส่หมูสับ เลยคิดว่าน่าจะนำมาโยงให้เข้ากับเรื่องเรียนภาษาจีนได้เหมือนกัน เลยอยากนำคำศัพท์มาฝากกันอีกตามเคย

เริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ ต้องรีบพูดก่อนเดี๋ยวถึงเทศกาลกินเจแล้วมาพูดก็ดูจะไม่เข้าท่าเท่าไหร่

猪肉 zhūròu เนื้อหมู
肉片 ròupiàn เนื้อหมูเป็นแผ่นๆ ชิ้นบางๆ หรือ สไลด์
肉丝 ròusī เนื้อหมูเป็นเส้นๆ
肉末 ròumò เนื้อหมูบด หรือ หมูสับ
肉松 ròusōng หมูหยอง

โดยปกติแล้วเวลาอยู่ที่เมืองจีน หากเห็นเขียนแค่ 肉 เฉยๆ ก็จะหมายถึงเนื้อหมู จากคำศัพท์ด้านบนก็จะเป็นเนื้อหมู แต่วิธีการหั่นที่ต่างกันก็ทำให้ชื่อเรียกต่างกันไปด้วย ก็เหมือนกับคนไทยเลยที่เรียกได้หลายอย่างเหมือนกัน

ธนาคาร ในภาษาจีน 银行

เขียนมาก็ตั้งหลายบท แต่ดันลืมเรื่องเงินๆ ทองๆ ไปได้ไง วันนี้เลยจะพามาเปิดบัญชีธนาคารกัน ลืมไปจริงๆ นะเนี่ยลองดูอีกทีไม่มีหัวข้อธนาคารจริงๆ ด้วย

เรามาเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับการเปิดบัญชีธนาคารกันดีกว่า

银行 yínháng ธนาคาร
户口 hùkǒu บัญชี
护照 hùzhào หนังสือเดินทาง
换钱 huànqián แลกเงิน
美元 měiyuán ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา
人民币rénmínbì สกุลเงินจีน
数 shǔ นับ

บทสนทนาภาษาจีน

wǒ yào kāi gè hùkǒu.
A : 我要开个户口。
ฉันต้องการเปิดบัญชี

qǐng gěi wǒ nín de hùzhào.
B : 请给我您的护照。
ขอหนังสือเดินทางด้วยครับ

gěi nín. wǒ hái yào huànqián, yì bǎi měiyuán néng huàn duōshǎo qián rénmínbì?
A : 给您。我还要换钱,一百美元能换多少钱人民币?
นี่ค่ะ ฉันยังต้องการแลกเงินด้วยค่ะ หนึ่งร้อยดอลล่าร์แลกเงินจีนได้เท่าไหร่ค่ะ

qī bǎi liù shí rénmínbì.
B : 七百六十人民币。
เจ็ดร้อยหกสิบเหรียญครับ

hǎode, nà wǒ yào huàn sān bǎi měiyuán.
A : 好的,那我要换三百美元。
ตกลงค่ะ งั้นฉันแลกสามร้อยดอลล่าร์ค่ะ

gěi nín liǎng qiān èr bǎi bā shí yuán, qǐng shǔ yì shǔ.
B : 给您 两千二百八十元,请您数一数。
นี่ครับ สองพันสองร้อยแปดสิบหยวน กรุณานับหน่อยนะครับ

hǎo le, xièxiè nín!
A : 好了,谢谢您!
ค่ะ ขอบคุณนะค่ะ

méiguānxi.
B : 没关系。
ไม่เป็นไรครับ

คำศัพท์ภาษาจีนเกี่ยวกับธนาคารที่ควรรู้เพิ่มเติม

ATM 卡 ATM kǎ บัตรเอทีเอ็ม
信用卡 xìnyòngkǎ บัตรเครดิต
存钱 cúnqián ฝากเงิน
取钱 qǔqián ถอนเงิน
现款 / 现金 xiànkuǎn / xiànjīn เงินสด
汇款 huìkuǎn โอนเงิน

คำศัพท์เกี่ยวกับการนอน

วันนี้เข้ามาอาจจะดึกไปซะหน่อย ก็เลยต้องเอาคำศัพท์เกี่ยวกับการนอนมาฝาก อาจจะไม่มากเท่าไหร่แต่ก็พอเป็นความรู้ได้ แม้จะดูน้อยนิดก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรมาฝาก

睡觉 shuìjiào นอน
睡着 shuìzháo นอนหลับ
睡不着 / 失眠 shuìbùzháo / shīmián นอนไม่หลับ
打瞌睡 dǎkēshuì สัปหงก
困 kùn ง่วง

แวะมาฝากแค่นี้ก่อนนะค่ะ เดี๋ยวขอตัวไปนอนก่อนค่ะ เพราะเริ่มง่วงแล้วค่ะ

10/02/2009

การเดินทางในหางโจว

วันนี้จะมาเล่าถึงการเดินทาง(การจราจร / การคมนาคม) จริงๆ แล้วการเดินทางในประเทศจีนตามเมืองที่เจริญ หรือเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวนั้นสะดวกสบายมาก เพราะมีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถไฟใต้ดิน รถเมลล์ หรือว่ารถแท็กซี่

แต่สิ่งที่จะมาบอกกล่าวกันในวันนี้ก็คือ ตอนที่อยู่หางโจวนั้นส่วนใหญ่ก็จะเดินทางด้วยรถเมลล์ และที่ชอบก็คือ ป้ายรถเมลล์จะมีบอกสายรถต่างๆ ว่าอีกกี่เมตร กี่นาทีจะมาถึงป้าย ซึ่งก็จะทำให้รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหน เลยคิดว่าในไทยน่าจะมีบ้างจะได้ไม่ต้องรอแล้วรอเล่าว่าเมื่อไหร่รถจะมาซักที

ส่วนการเดินทางระหว่างเมืองก็จะมีรถบัส แล้วก็รถไฟ ซึ่งจะชอบโดยสารรถไฟมากกว่า เพราะจะสะดวกสบาย รวดเร็ว แล้วก็มีให้เลือกหลายแบบว่าต้องการแบบที่นั่งนุ่ม แบบแข็ง แล้วก็แบบเร็วแค่ไหน ซึ่งก็สามารถช่วยประหยัดเวลาไปได้มากเลยทีเดียว

ทีนี้เราก็มาดูคำศัพท์ภาษาจีนเกี่ยวกับการเดินทางกันดีกว่านะค่ะว่ามีอะไรที่เราควรรู้กันบ้าง

交通 jiāotōng การคมนาคม, การจราจร

方便 fāngbiàn สะดวกสบาย 杭州的交通很方便。การคมนาคมของหางโจวสะดวกสบายมาก

公交车 gōngjiāochē รถเมล์

火车 huǒchē รถไฟ

地铁 dìtiě รถไฟใต้ดิน

站 zhàn สถานี, ป้าย (รถ, รถไฟ, รถไฟใต้ดิน) เช่น 车站,火车站,地铁站

软座 ruǎnzuò ที่นั่งแบบนุ่ม หากเป็นการเดินทางในระยะไกล เราจะเรียกว่า 软卧 ruǎnwò เป็นแบบที่นอนนุ่ม

硬座 yìngzuò ที่นั่งแบบแข็ง หากเป็นการเดินทางในระยะไกล เราจะเรียกว่า 硬卧 yìngwò เป็นแบบที่นอนแข็ง

ลองมาดูบทสนทนาภาษาจีนกันบ้างดีกว่า

wǒ yào mǎi yì zhāng qù shànghǎizhàn de huǒchēpiào?

A : 我要买一张去上海站的(火车)票?ฉันต้องการซื้อตั๋วรถไฟไปสถานีเซี่ยงไฮ้หนึ่งใบ

nǐ yào mǎi shénme shíjiān de piào?

B : 你要买什么时间的票?คุณต้องการซื้อตั๋วเวลาไหน (กี่โมง)

míngtiān shàngwǔ bā diǎn bàn, yǒu méiyou ruǎnzuò?

A : 明天上午八点半,有没有软座?พรุ่งนี้แปดโมงครึ่ง มีแบบที่นั่งนุ่มหรือเปล่าค่ะ

bā diǎn bàn, zhǐ yǒu yìngzuò. rúguǒ yào ruǎnzuò dehua, gāi bā diǎn huòzhe jiǔ dian shàngchē.

B : 八点半,只有硬座。如果要软座的话,该八点或者九点上车。แปดโมงครึ่ง มีแต่ที่นั่งแบบแข็ง หากต้องการที่นั่งแบบนุ่ม ควรขึ้นรถตอนแปดโมงหรือไม่ก็เก้าโมง

hǎode, nà wǒ yào yì zhāng bā diǎn de piào. duōshǎo qián?

A : 好的,那我要一张八点的票。多少钱?ตกลงค่ะ งั้นฉันเอาตั๋วตอนแปดโมงหนึ่งใบ เท่าไหร่ค่ะ

wǔ shí sì kuài.

B : 五十四块。ห้าสิบสี่เหรียญ

ขออธิบายคำศัพท์เพิ่มเติมและวิธีใช้อีกนิดนะค่ะ

如果..........的话 rúguǒ......dehuà หมายถึง หาก, ถ้าหาก, ถ้าหากว่า บางครั้งเราสามารถละคำว่า 如果 ได้ หรือในบางทีก็อาจใช้แค่ 如果 คำเดียว ความต่างอยู่ตรงที่ 如果 จะใช้ในภาษาเขียนมากกว่า ส่วน ....的话จะใช้ในภาษาพูด

该 gāi หมายถึง ควร, ควรจะ ซึ่งมาจากคำว่า 应该 yīnggāi แต่ในภาษาพูดมักนิยมย่อให้เหลือคำเดียว

或者 huòzhe หมายถึง หรือ จะใช้ในประโยคบอกเล่า ซึ่งจะต่างกับ 还是 háishì หรือ ที่ใช้ในประโยคคำถาม

จบข่าวค่ะ วันนี้ขอรายงานให้เพื่อนๆ ทราบเพียงเท่านี้ก่อน แล้วมีอะไรจะมารายงานให้ฟังต่อนะค่ะ

10/01/2009

วันชาติจีน

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ เนื่องในโอกาสวันชาติจีนขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ นะค่ะ แต่ไม่ว่าวันไหนเทศกาลใดก็ขอให้มีความสุขมากๆ เช่นกันค่ะ มาทั้งทีก็มีคำศัพท์มาฝากกันอีกแล้วค่ะ

ขอเป็นคำที่เข้ากับวันนี้นะค่ะ นั่นคือ 国庆节 guóqìngjié หรือวันชาติจีน ซึ่งจะตรงกับวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี ปีนี้ก็เป็นปีที่หกสิบแล้วนะค่ะ ซึ่งเพื่อนๆ ก็คงได้ทราบข่าวกันมาบ้างว่าจีนจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติกันอย่างยิ่งใหญ่

ส่วนเพื่อนๆ ที่เรียนอยู่ที่จีนกัน ช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงที่หยุดกันต่อเนื่องหลายวัน ถ้ายังไงไปเที่ยวไหนกันกลับมาก็อย่าลืมทบทวนบทเรียนกันนะค่ะ เดี๋ยวจะลืมกัน

9/30/2009

เทศกาลไหว้พระจันทร์

อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์กันแล้ว ซึ่งจะตรงกับวันที่ 15 เดือน 8 ของทุกปี ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ซึ่งในภาษาจีนเรียกเทศกาลนี้ว่า 中秋节zhōngqiūjié และขนมที่กินคู่กับเทศกาลนี้ก็คือ 月饼 yuèbǐng หรือขนมไหว้พระจันทร์

9/27/2009

ไปเที่ยวที่ไหนกัน

ช่วงนี้คงเป็นช่วงสอบของน้องๆ หลายๆคน ถ้ายังไงขอให้ทุกคนสอบผ่านได้เกรดงามๆ มาให้เชยชมกันนะค่ะ ไม่ว่าจะปิดเทอมก็อย่าลืมทบทวนภาษาจีนกันด้วยนะค่ะ เดี๋ยวจะลืม

วันนี้จะนำเสนอเรื่องไปเที่ยว แต่ไม่ได้ไปไหนหรอกนะค่ะ แค่นำเรื่องการใช้คำว่า 玩 wán ซึ่งแปลว่าเที่ยวมาฝากค่ะ จริงๆ แล้วการใช้ก็ไม่ได้ยากอะไร แต่เห็นบางคนใช้ผิดประจำเพราะแปลตามภาษาไทยค่ะ ในภาษาจีนต้องใช้แบบนี้นะค่ะ 去 + สถานที่ + 玩 เช่น ไปเที่ยวปักกิ่ง ต้องเป็น 去北京玩。qù běijīng wán

ปิดเทอมทั้งทีเดี๋ยวจะดูเหมือนเรียนน้อยเกินไป ก็มีอีกคำมาฝากค่ะ คือ 放假 fàngjià ซึ่งแปลว่า หยุด, วันหยุด หรือปิดเทอมก็ได้ค่ะ แถมต่ออีกคำเลยค่ะ ...的时候 deshíhòu แปลว่า ตอน... ได้คำศัพท์มาเล็กน้อยแล้วค่ะ ต่อไปก็แต่งประโยคภาษาจีนเลยล่ะกันนะค่ะ

ตัวอย่างประโยคภาษาจีน
房价的时候你要去哪儿玩?ตอนปิดเทอมคุณจะไปเที่ยวที่ไหน ประโยคนี้พี่คงไม่ขอตอบ ถ้าน้องๆ คนไหนได้ไปเที่ยวตอนปิดเทอมแล้วอยากมาเล่าแบ่งปันก็เชิญได้เลยนะค่ะ

ส่วนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่อยู่ที่จีนอีกไม่กี่วันก็คงได้หยุดยาวเนื่องในวันชาติจีนแล้ว คงมีเวลาทบทวนภาษาจีนที่ได้เรียนไป หรือไม่ก็คงมีโอกาสได้ไปเที่ยวกันนะค่ะ พูดถึงตรงนี้แล้วก็แถมให้อีกคำค่ะ 国庆节 guóqìngjié วันชาติจีน พอแค่นี้ก่อนนะค่ะกับของแถม แล้วจะนำมาฝากใหม่ค่ะ

9/22/2009

เรื่องดีๆ ในหางโจว

ทุกอย่างมักมีสองด้านเสมอ หลังจากที่พูดถึงเรื่องไม่ดีไปพอสมควร วันนี้จะมาเล่าเรื่องดีๆ ตอนที่เรียนอยู่หางโจวให้ฟังกัน หางโจวเป็นเมืองที่ค่อนข้างสงบ เงียบ และน่าอยู่ เนื่องจากผู้คนไม่ค่อยมีชีวิตที่เร่งรีบเหมือนเมืองใหญ่ๆ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางเจา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หางโจวเป็นเมืองที่น่าอยู่

ตอนที่เรียนอยู่เมืองนี้ก็ได้เจอกับเพื่อนคนจีนอยู่หลายคน ที่คอยไปเที่ยวเป็นเพื่อน คอยสอน คอยอธิบายภาษาจีนที่เราไม่เข้าใจ และในเมืองนี้เอง เราก็ยังได้พบกับเพื่อนคนจีนที่พูดภาษาไทยได้ด้วย ซึ่งจะไม่แปลกเลยถ้าเราพบคนจีนที่พูดไทยได้ในเมืองทางตอนใต้ของจีน อย่างเช่นในคุณหมิง หรือมณฑลกวางสี แต่นี่อุตส่าห์มาตั้งไกลแล้วยังได้เจอก็ทำให้เราแปลกใจ

เพื่อนคนนี้เราพบโดยบังเอิญ ซึ่งตอนนั้นเรากับเพื่อนคนไทยอีกคนกำลังเดินออกกำลังกายอยู่ที่สนาม แล้วจู่ๆ ก็มีคนจีนมาทักเราสองคนว่า เมื่อกี้พูดภาษาไทยกันใช่มั้ยค่ะ เราเลยได้คุยกันจากนั้นก็เลยเป็นเพื่อนกัน เพื่อนคนจีนคนนี้เคยมาเรียนภาษาไทยอยู่ที่ภาคเหนือของไทย และสามารถพูดไทยได้คล่อง จนทุกวันนี้ก็ได้มาทำงานที่เมืองไทย และยิ่งแปลกไปกว่านั้นอีกก็คือ สถานที่ทำงานของเค้ายังอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราด้วย บางครั้งเรื่องบางอย่างก็บังเอิญได้อย่างไม่น่าเชื่อ คุณว่าจริงมั้ย?

9/21/2009

งานแฟร์-เซี่ยงไฮ้

มาแล้วค่ะ มาหาของอร่อยๆ ฟรีๆ ทานกันค่ะที่งานอาหารและเครื่องดื่มนานาชาติ ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ ใครอยากไปตามมาเลยค่ะ (ลืมบอกไปค่ะ งานนี้ลงทุนโดดเรียนไปเลยนะค่ะเนี่ย)



อันนี้เป็นบู๊ทโปรดเลยค่ะ ไอศครีมแสนอร่อย แม้จะกินแล้วอ้วนไปหน่อย แต่ก็มีความสุขดีค่ะ



บู๊ทของคนไทยก็มาร่วมงานเหมือนกันนะค่ะ

นอกจากนี้ก็ยังมีบู๊ทของอาหารคาวหวานต่างๆ มากมายจากหลายประเทศที่มาร่วมงาน ใครอยากไปก็ประมาณเดือนตุลาคม แล้วก็อย่างลืมพกนามบัตรติดตัวไปด้วยค่ะเดี๋ยวจะเข้างานไม่ได้





ไปเซี่ยงไฮ้กัน

ใครที่ชอบความทันสมัย ต้องไม่พลาดการไปเยือนเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นที่รู้กันเป็นอย่างดีถึงความสะดวกสบายและทันสมัยของเมืองนี้



南京路 nánjīnglù ถนนนานจิง แหล่งช็อปปิ้งในเมืองเซี่ยงไฮ้




东方明珠电视塔 dōngfāngmíngzhūdiànshìtǎ หรือขอไข่มุก อันนี้ถ่ายมาแค่ภาพภายนอกค่ะ เพราะตอนไปถึงก็ดึกแล้ว จริงๆ ก็ไม่เชิงหรอกค่ะเพราะค่าเข้าแพง รู้สึกจะร้อยยี่สิบหยวนค่ะ เลยไม่ได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศภายในเลย เนื่องจากความเสียดายตังค์(งก)ของตัวเองแท้ๆ

วันนี้นำภาพมาฝากเล็กๆ น้อยๆ ก่อนค่ะ คราวหน้าจะพาไปงานอาหารและเครื่องดื่มนานาชาติที่เซี่ยงไฮ้กัน


9/15/2009

การอ่านตัวเลขในภาษาจีน2

จากที่เคยเรียนเรื่องการอ่านตัวเลขในภาษาจีนกันมาบ้างแล้ว วันนี้ก็จะมาบอกวิธีการอ่านหมายเลขโทรศัพท์ การอ่านหมายเลขโทรศัพท์ก็จะอ่านเรียงตามตัวเลขเลยค่ะ แต่จะนิยมอ่านหมายเลยหนึ่งว่า yāo มากกว่า yī เนื่องจากหนึ่งที่ปกติอ่านว่า yī จะมีเสียงใกล้เคียงกับเจ็ดที่อ่านว่า qī

วิธีการอ่านปีในภาษาจีน เช่น ปีนี้ 2009 ก็จะเป็น二零零九年 èrlínglíngjiǔnián ซึ่งวิธีการอ่านปีนั้นก็จะอ่านเรียงกันทีละตัวค่ะ และปีที่มีเลขหนึ่งรวมอยู่ด้วยก็จะอ่านได้แค่ yī ไม่สามารถอ่านออกเสียง yāo ได้ เหมือนกับการอ่านหมายเลขโทรศัพท์

การอ่านเลขทศนิยม จุดในภาษาจีนก็คือ 点 diǎn วิธีการอ่านคือ เลขหน้าจุดทศนิยมก็อ่านตามหลัก(หน่วย,สิบ,ร้อย,พัน,หมื่น) ส่วนเลขหลังจุดทศนิยมจะต้องอ่านเรียงทีละตัว เช่น 3.82 อ่านว่า 三点八二 sāndiǎnbā'èr 506.1654 五百零六点一六五四 wǔbǎilíngliùdiǎnyīliùwǔsì

การอ่านเลขเศษส่วน จะเป็น ...分之... แต่ให้จำไว้ว่าจะสลับกับภาษาไทย ตรงที่ตัวเลขที่อยู่ด้านหน้าจะเป็นส่วน เลขที่อยู่ด้านหลังจะเป็นเศษ เช่น เศษหนึ่งส่วนสอง จะพูดว่า 二分之一 èrfēnzhīyī เศษสามส่วนแปด อ่านว่า 八分之三 bāfēnzhīsān

ส่วนการอ่านเปอร์เซ็นต์ก็จะเป็น 百分之... เช่น 20% อ่านว่า 百分之二十 bǎifēnzhī 'èrshí งงกันหรือป่าวค่ะ ถ้างงก็ต้องฝึกอ่านบ่อยๆ แล้วคอยตรวจคำตอบดูว่าเราเข้าใจมากน้อยแค่ไหน แล้ววันหลังถ้ามีเรื่องปวดหัวจะเอามาฝากใหม่ค่ะ

9/14/2009

ชีวิตในจีน (เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม)

สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้อาจเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก เป็นเรื่องการใช้ชีวิตตอนอยู่เมืองจีน แบบว่าตามหัวข้อเลยว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เวลาจะขึ้นรถเมล์ในจีนคนจีนมักจะแย่งกันไม่เข้าแถว อันที่จริงบ้านเราก็ไม่ได้เข้าแถวแต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องแย่งกระแทกแดกดัน

ทีแรกเราก็ไม่ค่อยได้สนใจใครจะแย่งก็แย่งกันไป ไว้รอขึ้นทีหลังก็ได้แต่เมื่อพอเวลาอยู่ไปสักพักก็เริ่มเรียนรู้การใช้ชีวิตของการแก่งแย่ง ใครเบียดมาเราก็เบียดไป ใครดันมาเราดันกลับ (แอบทำนิสัยแย่เล็กน้อย) แต่ก็ไม่ได้ติดกลับมาใช้ในไทยนะค่ะ เพราะเดี๋ยวจะโดนเพ่งเล็งจากคนรอบข้าง

เรื่องเล่าชีวิตในจีนยังมีอีก แต่วันนี้ขอเล่าพอหอมปากหอมคอก่อนแล้วกันค่ะ ไว้วันหลังจะเข้ามาเล่าให้ฟังใหม่

เรื่องเล่าจากเมืองจีน

วันนี้ขอรำลึกความหลังเมื่อครั้งที่เรียนอยู่เมืองจีนหน่อยนะค่ะ ถึงแม้จะผ่านมาเนิ่นนานก็ตามที เผื่อจะมีประโยชน์กับใครๆ ได้บ้าง

ซึ่งก็คือการใช้ชีวิตที่ต่างวัฒนธรรมกันค่ะ เพื่อนๆ บางคนที่มีโอกาสได้ไปเรียนเมืองจีนแรกๆ อาจจะยังปรับตัวไม่ได้แต่พอนานวันเข้า เมื่อเราพอจะเปิดรับวัฒนธรรมและเลือกที่จะเรียนรู้ก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขค่ะ

เราแค่เรียนรู้วัฒนธรรมของเขาก็พอนะค่ะ ไม่จำเป็นต้องเอามาใช้ อย่างวัฒนธรรมของคนเกาหลี เราอาจเคยดูซีรี่เกาหลีมาบ้าง ซึ่งการใช้เท้าเล่นกันอาจดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนไทยเราไม่อาจทำได้ค่ะ แรกๆ ก็รู้สึกเหมือนเค้าไม่มีมารยาท แต่คงเป็นเพราะวัฒนธรรมเค้าค่ะเราเลยเลือกที่จะเรียนรู้แล้วเข้าใจเค้า ก็เลยช่างมันค่ะไม่เป็นไร

มาถึงวัฒนธรรมของเพื่อนฝั่งตะวันตกบ้างค่ะ ในครั้งแรกที่รู้จักกัน เค้าอาจจะเล่นกับเราอย่างถึงเนื้อถึงตัว บางทีก็โอบกอดโดยไม่ได้คิดอะไร เพราะเค้ามองเป็นเพียงการทักทายกันก็เท่านั้นค่ะ ยอมรับนะค่ะว่าเจอครั้งแรกก็อื้งเหมือนกัน อยู่ๆ ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนก็มากอดคอเลย เหมือนรู้จักกันมาแต่ชาติปางก่อน แต่หากเราเลือกที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ก็จะเข้าใจกันมากขึ้นค่ะ

ส่วนวัฒนธรรมที่ผู้คนมีความเกรงอกเกรงใจและใกล้เคียงกับคนไทยมากที่สุดก็คงไม่พ้นญี่ปุ่นหรอกค่ะ เวลาจะพูดจา หรือจะเล่นกันก็จะมีความนอบน้อม หากยังไม่สนิทกันก็จะมีการวางตัวเหมือนกับคนไทยค่ะ

มาถึงเมืองจีนทั้งที ถ้าไม่พูดถึงวัฒนธรรมจีนก็คงดูจะแปลกนะค่ะ คนจีนในเมืองจีนต่างกับคนไทยเชื้อสายจีนในเมืองไทยมากมายค่ะ อาจเป็นเพราะคนจีนที่อยู่ในเมืองไทยคงถูกปลูกฝังมาคนละแบบ เนื่องจากประชากรจีนที่มีมากมาย การจะทำอะไรของคนจีนจึงดูเป็นการแก่งแย่งชิงดีกัน และดูเหมือนจะเห็นแก่ตัว

ตั้งแต่ที่อยู่เมืองจีนมาบอกตรงๆ เลยนะค่ะ ยังไม่เคยได้ยินคำขอโทษสักคำจากคนจีนเลยค่ะ ยิ่งถ้าคนจีนด้วยกันเองทำผิด ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมขอโทษกัน จึงทำให้พบเห็นการชกต่อยกันเป็นเรื่องธรรมดามากบนท้องถนน เคยเจอหลายครั้งค่ะ คนจีนชอบใช้เสียงดังข่มกันไปมา พอสู้ไม่ได้ก็ลงไม้ลงมือ

9/11/2009

ไปหางโจวกันต่อ

เดี๋ยวเรามาดูรูปไปด้วยแล้วเรียนภาษาจีนไปด้วย จะได้เรียนรู้คำศัพท์กันสักเล็กน้อย



เทศกาลดอกไม้ไฟในหางโจว หากแยกเป็นคำๆ ก็จะได้ว่า เทศกาล+ดอกไม้+ไฟ แต่เมื่อเป็นภาษาจีนก็จะเรียงเป็น ไฟ+ดอกไม้+เทศกาล = 火花节 huǒhuājié (อย่าลืมนะค่ะว่าภาษาไทยกับจีนต่างกันตรงที่การเรียงส่วนขยาย)



รูปด้านซ้ายคือวัดนะค่ะ ส่วนรูปด้านขวาคือพระพุทธรูป แต่จำชื่อวัดไม่ได้ค่ะว่าวัดอะไร คำว่าวัดในภาษาจีนคือ 寺庙 sìmiào แต่บางครั้งก็ใช้ 寺 หรือ 庙 คำเดียว ส่วนคำว่าพระพุทธรูปก็คือ 佛像 fóxiàng

วันนี้ขอเอามาฝากแค่นี้ก่อนนะค่ะ เนื่องจากทั้งเน็ตและคอมช้ามากกว่าจะโหลดภาพได้ต้องใช้เวลานานมาก แล้วไว้พบกันใหม่...ในโอกาสที่เน็ตและคอมเอื้ออำนวย

9/10/2009

ไปหางโจวกัน

มาตามสัญญาค่ะ...(ใครสัญญากันตอนไหนก็ไม่รูนะ) วันนี้จะพาไปดูบรรยากาศที่หางโจว 杭州 hángzhōu กันค่ะ ว่าดูแล้วสบายๆ ขนาดไหน หางโจวเป็นเมืองที่มีอากาศดีเย็นสบาย แต่หน้าหนาวก็หนาวจับใจนะ เพราะลมแรงมากๆ

หากใครที่ชอบความสงบ ไม่ค่อยวุ่นวายเหมือนในเซี่ยงไฮ้ 上海 shànghǎi ก็สามารถเลือกไปเรียนที่เมืองนี้ได้ ขอบอกได้เลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน แล้วถ้าอยากไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ค่อยนั่งรถไฟไปสะดวกสบายมากๆ ค่ะ



บรรยากาศโดยรอบภายใน 浙江工商大学 zhèjiānggōngshāngdàxué




สวนสนุกในหางโจว 杭州乐园 hángzhōulèyuán ที่เมืองไทยเสียวและสนุกกว่าเยอะเลยค่ะ คำว่า 乐园lèyuán หมายถึงสวนสนุกนะค่ะ




พิพิธภัณฑ์หางโจว 杭州博物馆 hángzhōubówùguǎn คำว่าพิพิธภัณฑ์ในภาษาจีนก็คือ 博物馆 bówùguǎn



动物园 dòngwùyuán หรือสวนสัตว์ สัตว์จะอยู่กันอย่างค่อนข้างแออัด แล้วคนจีนบางคนก็ไม่ค่อยจะรักษาความสะอาดซักเท่าไหร่ทำให้มีการทิ้งขยะอยู่เกลื่อนกลาด จากภาพก็นำสัตว์มาฝาก 2 ชนิดคือ 熊猫 xióngmāo หมีแพนด้า และ 大象 dàxiàng ช้าง




บรรยากาศโดยรอบภายในทะเลสาบซีหู 西湖xīhú ซึ่งชอบไปขี่จักรยานเล่น แม้จะเหนื่อยไปสักหน่อยแต่ก็สนุกดีค่ะ

9/08/2009

เมืองจำลองสามก๊กในประเทศจีน

หลังจากที่เรียนกันมาได้สักพัก ก็เริ่มไม่รู้จะโม้อะไรให้ฟัง วันนี้จึงเก็บภาพสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองจีนที่มีโอกาสได้ไปมาฝากกัน

เริ่มจากสถานที่แรกเลยคือ เมืองจำลองสามก๊ก หรือในภาษาจีนก็คือ 三国城 sānguóchéng อยู่ในมณฑลเจียงซู 江苏省 jiāngsūshěng เมืองอู๋ซี 无锡 wúxī ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ของจีน มีหนังดังๆ หลายเรื่องมาถ่ายที่นี่แต่ก็จำไม่ได้เหมือนกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง






อ๊ะอ๊ะอ๊ะ...อยากรู้แล้วซิว่าสถานที่ต่อไปจะเป็นที่ไหน คงต้องติดตามตอนต่อไปนะค่ะ เพราะหากนำมาหมดเดี๋ยวจะไม่มีอะไรหากิน

8/31/2009

ภาษาจีน เรียนวันละนิดจิตแจ่มใส

เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาอัพเลยอ่ะ เข้ามากี่ครั้งก็พูดแต่แบบนี้ทุกที วันนี้ที่เข้ามาก็จะบอกกับทุกคนที่เข้ามาบล็อกนี้นะค่ะ เนื่องจากบางบทความยาว ตอนนี้เราจึงใส่ตัว read more เข้าไปโดยใช้คำว่า (เรียนภาษาจีนต่อ...) หากใครสนใจก็เชิญอ่านบทความเต็มๆ กันต่อได้เลยนะค่ะ

การเขียนบทความก็สนุกดีค่ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ในแต่ละวันด้วย ทีแรกว่าจะขยันเข้ามาเขียนเป็นประจำ แต่ไปๆ มาๆ นี่ก็สิ้นเดือนละเขียนได้ไม่กี่บทความเอง ไม่เหมือนช่วงแรกๆ ไฟแรงๆ อยากเขียนก็เขียนไปเรื่อย เหมือนมีอะไรจะพูดสารพัด...ไอ้เรานี่ก็พูดไปเรื่อยเลยนะ

จริงๆ แล้วก็เหมือนกับการเรียนภาษาจีนแหละค่ะ ทีเมื่อเริ่มเรียนแรกๆ ก็อยากรู้อยากเห็นไปหมด พอเรียนไปเรียนมาเริ่มยากก็เริ่มเบื่อกัน...พูดแล้วก็เข้าข่ายตัวเองซะงั้น คนเราก็อย่างนี้แหละค่ะ ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวขี้เกียจ เดี๋ยวขยัน...<555หรืออาการแบบนี้จะเป็นแค่เราคนเดียว>

เข้ามาทีไรก็เอาแต่พูดมาก ไม่ค่อยได้เรียนอะไรเลย เดี๋ยวจะดูเป็นคนไร้สาระ งั้นก็มาเรียนดีกว่า...อยากดูเป็นคนมีสาระ<แน> เนื่องจากว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่จีนกำลังจะเปิดเทอม คงมีเพื่อนหลายคนที่มีโอกาสได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนต้องเดินทางกันในช่วงนี้ ก็ขอให้เพื่อนๆ ทุกคน 一路平安(yílùpíng'ān) ซึ่งก็หมายถึง เดินทางโดยปลอดภัย / เดินทางโดยสวัสดิภาพ

หากใครมีโอกาสได้ไปศึกษาต่อที่เมืองไหนก็มาแชร์ประสบการณ์กันได้ค่ะ(อยากรู้เรื่องชาวบ้านอีกแล้วเรา) เข้ามาซะนานสอนอยู่แค่คำเดียวเอง แต่ก็เรียนวันละนิดจิตแจ่มใสนะค่ะ เดี๋ยวช่วงดึกๆ ถ้าไม่ขี้เกียจจะเข้ามาเขียนอีกซักบทความ

8/20/2009

การอ่านตัวเลขในภาษาจีน

หลังจากไร้สาระอยู่นานจนไม่ได้เรียนภาษาจีนกันเลย พอดีนึกออกว่ายังไม่ได้สอนวิธีการอ่านตัวเลขในภาษาจีนเลยว่ามีหลักการอ่านอย่างไร วันนี้จึงต้องมาบอกกันสักหน่อย

ปัญหาการอ่านตัวเลข ถ้าอยู่ในหลักหน่วยหรือสิบก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่พอมีหลักเยอะขึ้นในบางครั้งก็สร้างความสับสนให้ก้บผู้เริ่มเรียนได้พอสมควร

วิธีการอ่านตัวเลขในหลักหน่วยก็จะเรียงไปเรื่อยๆ คือ 零 一 二 三 四 五 六 七 八 九

วิธีการอ่านตัวเลขในหลักสิบ ก็จะเกิดจากการนำตัวเลขในหลักหน่วยต่างๆ มาผสมกัน ยกเว้น 十 ที่แปลว่าสิบอยู่แล้ว ต่อไปก็เป็น 十一 เรียงไปเรื่อยจนถึง 十九 ยี่สิบก็จะเป็น 二十 แล้วก็เรียงไปเรื่อยๆ อีกเช่นกัน พอถึงสามสิบก็ 三十 สี่สิบ 四十 ห้าสิบ 五十 หกสิบ 六十 เจ็ดสิบ七十 แปดสิบ 八十 เก้าสิบ 九十

ต่อไปก็จะเป็นวิธีการอ่านตัวเลขหลายหลัก (百 ร้อย 千 พัน 万 หมื่น) ซึ่งถ้ามีเลขหนึ่งอยู่ในหลักใดแล้วต้องอ่านหนึ่งด้วย เช่น 518 อ่านว่า 五百一十八 , 3115 อ่านว่า 三千一百一十五, 47912 อ่านว่า 四万七千九百一十二

นอกจากนี้ยังมีวิธีการอ่านเลขหลายหลักซึ่งมีศูนย์รวมอยู่ด้วย มีวิธีการอ่านดังนี้ คือถ้าเลขศูนย์อยู่ด้านท้ืายสุดไม่ว่าอยู่ติดกันกี่ตัวก็ไม่ต้องออกเสียงก็ได้ เช่น 380 อ่านว่า 三百八(十) ซึ่งสามารถละคำว่า 十 ได้ เพราะเลขในหลักด้านหน้าได้บอกไว้ชัดเจนแล้วว่าหลักต่อไปจะเป็นอะไร ลองดูตัวอย่างอื่นเช่น 4500 อ่านว่า 四千五(百) ในที่นี้ก็สามารถละ 百ได้เช่นกัน

ส่วนเลขหลายหลักที่มีศูนย์อยู่ในหลักอื่นๆ ที่ไม่ใช่หลักหน่วยแล้วต้องอ่านออกเสียงด้วย เช่น 905 อ่านว่า 九百零五, 8036 อ่านว่า 八千零三十六, 60108 อ่านว่า 六万零一百零八

และการอ่านเลขหลายหลักที่มีศูนย์ติดกันตั้งแต่สองตัวขึ้นไปให้อ่านเพียงตัวเดียว เช่น 4004 อ่านว่า 四千零四, 30006 อ่านว่า 三万零六

หวังว่าคงจะพอเข้าใจกันอย่างคร่าวๆ นะค่ะ เพราะจริงๆ แล้ววิธีการอ่านตัวเลขในภาษาจีน ยังมีมากกว่านี้ แต่วันนี้เอามาฝากแค่นี้ก่อน แล้วถ้ามีเวลาจะหามาเพิ่มเติมให้ค่ะ

8/19/2009

พูดคุย สอบถามปัญหาภาษาจีน

การเรียนภาษาจีนขั้นพื้นฐาน สำหรับผู้ที่เริ่มเรียนอาจจะอยากพูดคุย หรือมีปัญหาคาใจเีกี่ยวกับภาษาจีนที่อยากจะสอบถามกัน ถ้ายังไงก็แอดมาคุยกันได้ที่ lee1981@hotmail.com มาเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องกัน มาช่วยกันสร้างสังคมภาษาจีนที่เรียนแล้วจะไ้ด้ไม่น่าเบื่อกันค่ะ จริงๆ ภาษาจีนเป็นภาษาที่สนุก แม้บางครั้งดูจะยากก็ตามที แต่ยังไงก็จะอดทนแล้วเรียนต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ ตราบใดที่ใจเรายังใฝ่รู้ ความรู้ไม่มีวันหมดสิ้น

จริงๆ ก็พูดเพื่อให้กำลังใจตัวเองไปอย่างนั้นแหละ ไหนๆ ก็เรียนมาตั้งนานแล้ว อาจจะพอมีความรู้บ้างก็อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์กับคนที่กำลังจะเรียนภาษาจีนค่ะ จะพยายามช่วยสอนตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนสามารถใช้สื่อสารในชีวิตประจำวันให้ค่ะ เพราะถ้าให้มากกว่านี้ความสามารถคงไม่ถึงแล้ว ต้องรอฝึกวิทยายุทธอีกสักพัก(ใหญ่ๆ)ค่ะ

8/10/2009

母亲节 เทศกาลวันแม่

หลังจากไม่ค่อยได้เข้ามาอัพบล็อกสักเท่าไหร่ วันนี้ก็ถือเป็นโอกาสอันดีเพราะใกล้จะถึงวันแม่แล้ว เลยอยากจะถามว่า母亲节快到了,你要给妈妈什么礼物?(mǔqīnjiékuàidàole,nǐyàogěimāmāshénmelǐwù) ใกล้เทศกาลวันแม่แล้ว คุณจะให้ของขวัญอะไรกับแม่

ปกติ แล้วจริงๆ ตัวเองก็ไม่ค่อยได้ให้ของขวัญอะไรกับแม่หรอก หรือว่าไม่เคยให้เลยก็จำไม่ค่อยได้ ส่วนมากจะไปกินข้าวกันนอกบ้านซะมากกว่า เพราะความสนิทกับแม่มากเลยทำให้ทุกวันดูเหมือนจะเป็นวันธรรมดาไม่ค่อยมี อะไรพิเศษสักเท่าไหร่ โดยส่วนตัวคิดว่าทุกๆ วันก็มีความสำคัญกับแม่ทั้งนั้น

ฉันเชื่อว่าสิ่งที่แม่ทุกคนต้องการอาจจะไม่ใช่สิ่งของล้ำค่า มีราคา ขอแค่เพียงให้เราปฏิบัติตัวเป็นคนดี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ วันแม่ปีนี้หากไม่มีอะไรจะให้ ก็ลองบอกรักแม่ดูนะค่ะ รับรองได้ว่าแม่คุณต้องปลื้มกว่าของขวัญชิ้นใดที่เคยได้รับมาอย่างแน่นอน ลองบอกสักครั้ง ครั้งแรกอาจจะเขินๆ แต่ก็ดีกว่าเก็บไว้บอกตอนสายเกินไปนะค่ะ

ทีนี้เราลองมาดูรูปประโยคภาษาจีนข้างบนดีกว่าค่ะ 快 ที่เคยเจอกันมาจะเป็นคำคุณศัพท์ หมายถึง เร็ว แต่ในที่นี้ 快.......了 หมายถึง ใกล้จะ........แล้ว แสดงถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นแต่กำลังจะเกิดขึ้นหรือกำลังจะมาถึง ส่วน 了 ในที่นี้ก็เป็นเพียงคำที่เติมท้ายประโยคเพื่อเสริมน้ำเสียงให้น่าฟังยิ่งขึ้น เช่น 快下车了。ใกล้จะลงรถแล้ว 快吃晚饭了。ใกล้จะกินข้าวเย็นแล้ว

8/06/2009

การเรียงประโยคในภาษาจีน2

การเรียงประโยค ภาษาจีน มีทั้งเหมือนกับภาษาไทยทั้งประโยค และส่วนที่ต่างกัน เช่น 你要去哪儿?คุณจะไปไหน จะเห็นได้ว่าในประโยคนี้มีการเรียงรูปประโยคเหมือนกับภาษาไทยเลย

ส่วนประโยคที่ต่างจากภาษาไทยที่ผู้เริ่มเรียน ภาษาจีน มักใช้ผิดคือ ในภาษาจีนนั้นมักจะเรียงเป็น ใคร + ที่ไหน + ทำอะไร ซึ่งต่างกับภาษาไทยที่จะเรียงเป็น ใคร ทำอะไร ที่ไหน เราลองมาดูตัวอย่างประโยคกัน 我在中国学习汉语。ฉันเรียนภาษาจีนที่ประเทศจีน

และอีกอย่างที่ควรจำคือ ในภาษาจีน ส่วนขยายต้องวางอยู่ด้านหน้า เช่น 我的朋友。เพื่อนของฉัน 红色的衣服。เสื้อผ้าสีแดง เวลาใช้ก็อย่าสับสนกันนะค่ะ แล้วจะนำเรื่องการเรียงประโยค ภาษาจีน มาฝากกันใหม่ในโอกาสหน้าค่ะ

7/26/2009

ขอความคิดเห็น

อยากทราบว่าเพื่อนๆ ที่เข้ามาเยี่ยมชมบล็อกนี้ แล้วอยากรู้เรื่องอะไรกันบ้าง หรือว่าจุดประสงค์ของการเรียน ภาษาจีน ของเพื่อนๆ แต่ละคนคืออะไร ช่วยเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันหน่อยนะคะ หลี จะได้หาเนื้อหามาเพิ่มเติมให้ จะได้พัฒนาภาษาจีน ไปพร้อมๆ กันค่ะ

7/19/2009

邮局 ที่ทำการไปรษณีย์์

ไม่ได้อัพเดทมาหลายวันเลย แล้วก็ไม่รู้จะเอาเนื้อหาอะไรมาใส่ เลยแอบแฮปข้อมูลจากเว็บตัวเองมาลงซะเนี่ย ก็เพราะคิดไม่ออกจริงๆ แถมยังยุ่งอยู่กับการหาข้อมูลมาใส่ในเว็บให้มีเนื้อหามากๆ แต่ก็คงไม่เป็นไร เพราะจะเอาแค่คำศัพท์มาใส่เท่านั้นแหละ ส่วนบทสนทนาเดี๋ยวคิดใหม่ทำใหม่

邮局(yóujú) ที่ทำการไปรษณีย์
邮票(yóupiào) แสตมป์
明信片(míngxìnpiàn) ไปรษณียบัตร
寄(jì) ส่ง
往(wǎng)........寄(jì) ส่งไปยัง.........
信(xìn) จดหมาย
封(fēng) ซอง(ลักษณะนาม),ฉบับ
信封(xìnfēng) ซองจดหมาย
包裹(bāoguǒ) พัสดุ
电子邮件(diànzǐyóujiàn) อีเมลล์
收发(shōufā) รับส่ง (อีเมลล์)
一共(yígòng) ทั้งหมด

ยุคสมัยนี้แล้วหากใครยังส่งจดหมายอยู่คงถูกหาว่าเชย แต่ยังไงรู้คำศัพท์ไว้ก็ไม่เสียหายอะไรนี่ เพราะสิ่งที่เราต้องการคือเรียนรู้ภาษาจีน เราก็กลัวเชยเหมือนกันนะเลยแถมคำศัพท์ทิ้งท้ายไว้ให้กันเชยด้วยสองคำ อย่ามัวแต่ห่วงเรื่องเชยไม่เชยเลย เรามาแต่งบทสนทนา ภาษาจีน จากศัพท์ด้านบนกันเถอะ

A : 请问,往泰国寄的信,要贴多少钱的邮票?ถามหน่อยค่ะ จดหมายที่ส่งไปยังประเทศไทย ต้องติดแสตมป์ราคาเท่าไรค่ะ
B : 四块。还要什么吗?สี่เหรียญ ยังต้องการอะไรมั้ย
A : 我还要买两张明信片。ฉันยังต้องการซื้อไปรษณียบัตรสองใบ
B : 一共八块。ทั้งหมดแปดเหรียญ

张 ใบ, แผ่น (ลักษณะนาม) ภาษาจีนนั้นมีลักษณะนามอยู่มากมาย ซึ่งก็คล้ายกับภาษาไทยที่มีลักษณะนามและการใช้ที่ต่างออกไป เช่น สมุดหนังสือ ก็ใช้ว่าเล่ม 本 เป็นต้น

การวางลักษณะนามใน ภาษาจีน จะต่างกับภาษาไทย ตรงที่ภาษาจีน จะวางจำนวนและลักษณะนามไว้ข้างหน้า อย่างเช่นตัวอย่างบทสนทนา ไปรษณียบัตรสองใบ ในภาษาจีนพูดว่า (สองใบไปรษณียบัตร) 两张明信片,หรือถ้าต้องการพูดว่าหนังสือสองเล่ม ก็ต้องเป็น 两本书 เวลาใช้ก็อย่าสับสนนะค่ะ

จริงคำศัพท์เกี่ยวกับที่ไปรษณีย์ยังมีอีกมากมาย แต่สำหรับผู้ที่เริ่มเรียนขั้นพื้นฐานหากให้จำเยอะ คงจะเบื่อและไม่อยากจำกันแน่ๆ จึงนำมาเสนอเพียงเท่านี้ก่อน ถ้ามีเวลาจะเอามาฝากอีกค่ะ


7/14/2009

การถามอายุ

ในภาษาจีน หากต้องการถามอายุ เราต้องดูบุคคลที่เรากำลังจะถามด้วยว่าเป็นเด็ก เป็นคนในวัยเดียวกันกับเรา หรือว่าเป็นผู้สูงอายุ เพราะการถามอายุกับบุคคลที่มีวัยต่างกัน คำถามก็จะต่างกัน

  • 几(jǐ) กี่
  • 岁(suì) ขวบ, ปี
  • 多大(duōdà) (อายุ) เท่าไร
  • 年纪(niánjì) อายุ

การถามอายุเด็ก

你几岁?คุณกี่ขวบ

我八岁。ฉันแปดขวบ

การถามอายุของวัยรุ่น เพื่อน วัยทำงาน หรือบุคคลในรุ่นเดียวกัน

你多大?คุณอายุเท่าไร

我二十八。ฉันยี่สิบแปด

การถามอายุของผู้อาวุโส หรือบุคคลที่มีอายุมากแล้ว

您多大年纪?ท่านอายุเท่าไร

我六十五。ฉันหกสิบห้า

การถามอายุของผู้สูงอายุนั้นจะต้องใส่ 年纪 เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ และการให้เกียรติ

7/10/2009

คุณทำงานอะไร

หลังจากที่ได้นอกเรื่องมาหลายต่อหลายเรื่อง ก็เริ่มหาสาระให้ตัวเองบ้างโดยวันนี้เราจะมาเรียนเรื่องการถาม-ตอบอาชีพการงานกัน ลองมาดูกันว่าอาชีพต่างๆ ในภาษาจีน เราสนใจอาชีพไหนกันบ้าง

工作(gōngzuò) งาน, ทำงาน

你做什么工作?คุณทำงานอะไร
我是……………。ฉันเป็น..... / ฉันคือ...... <เลือกอาชีพตามที่ตัวเองชอบและสนใจได้ตามสบายเลยค่ะ>

老师(lǎoshī) ครู, อาจารย์
律师(lǜshī) ทนายความ
工程师(gōngchéngshī) วิศวกร
设计师(shèjìshī) นักออกแบบ
建筑师(jiànzhùshī) สถาปนิก
会计师(kuàijìshī) นักบัญชี
药剂师(yàojìshī) เภสัชกร
摄影师(shèyǐngshī) ช่างภาพ
理发师(lǐfàshī) ช่างทำผม
作家(zuòjiā) นักเขียน, นักประพันธ์
画家(huàjiā) จิตรกร
漫画家(mànhuàjiā) นักเขียนการ์ตูน
翻译家(fānyìjiā) นักแปล
音乐家(yīnyuèjiā) นักดนตรี
科学家(kēxuéjiā) นักวิทยาศาสตร์
政治家(zhèngzhìjiā) นักการเมือง
歌手(gēshǒu) นักร้อง
经理(jīnglǐ) ผู้จัดการ
总理(zǒnglǐ) นายกรัฐมนตรี
记者(jìzhě) นักข่าว
医生(yīshēng) หมอ, แพทย์
牙医(yáyī) ทันตแพทย์
护士(hùshi) พยาบาล
农民(nóngmín) ชาวนา, เกษตรกร
牧民(mùmín) ปศุกร
渔民(yúmín) ชาวประมง
商人(shāngrén) นักธุรกิจ
编辑(biānjí) บรรณาธิการ
警察(jǐngchá) ตำรวจ
士兵(shìbīng) ทหาร
法官(fǎguān) ผู้พิพากษา
外交官(wàijiāoguān) เจ้าหน้าที่การทูต
总统(zǒngtǒng) ประธานาธิบดี
秘书(mìshū) เลขานุการ
售货员(shòuhuòyuán) พนักงานขาย
服务员(fúwùyuán) พนักงานบริการ
公务员(gōngwùyuán) พนักงานรัฐ, ข้าราชการ
公司职员(gōngsīzhíyuán) พนักงานบริษัท

7/01/2009

แนะแนวการเรียน ภาษาจีน

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกคนก่อนนะคะ ที่ยอมเสียเวลาในการเข้ามาเยี่ยมชมบล็อก ถ้ามีตรงไหนสงสัยหรือต้องการให้แนะแนวเพิ่มเติม ก็เสนอความคิดเห็นกันเข้ามาได้เลยนะคะ ซึ่งถ้ารู้ก็จะช่วยตอบให้ ส่วนที่ไม่รู้ก็จะหามาให้ค่ะ ไม่ต้องเกรงใจนะคะ การจะเรียนภาษาจีนให้ได้ผล ต้องกล้าถามค่ะ

ครั้งนึงตอนที่เรียนก็ไม่กล้าถามเหมือนกันค่ะ ไม่เข้าใจอะไรก็เก็บเอาไว้ ทำให้ภาษาจีน พัฒนาได้อย่างช้ากว่าที่ควรจะเป็น ส่วนหนึ่งคงเป็นนิสัยคนไทยด้วยค่ะ ที่ขี้อาย จุดนี้เราเข้าใจดี จึงอยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ ทุกอย่างต้องมีครั้งแรกนะค่ะ ครั้งต่อๆ ไปจึงจะตามมา

บล็อกนี้จะเน้นผู้เรียนที่เพิ่งเริ่มเรียนระดับพื้นฐานนะค่ะ ส่วนผู้ที่พอจะอ่านภาษาจีนออกหรือต้องการหาความรู้เพิ่มเติมก็เชิญได้ที่เว็บเลยค่ะ http://www.lovechineseclub.com/ ทำมาได้ประมาณสองอาทิตย์แล้วค่ะ เนื้อหายังไม่มากเท่าไหร่ แต่พยายามจะนำมาใส่ไว้เรื่อยๆค่ะ

6/27/2009

การเรียงประโยคใน ภาษาจีน

หลายต่อหลายครั้งที่ผู้เริ่มเรียนภาษาจีน มักจะสับสนกับวิธีการเรียงประโยค เพราะการเรียงประโยคในภาษาจีนนั้นมีทั้งเหมือน และต่างจากภาษาไทย แต่เพื่อไม่ให้เป็นการยากจนเกินไปจึงขอยกตัวอย่างเพียงไม่กี่ประโยค เช่น

ประโยคที่เรียงเหมือนภาษาไทย

你要吃什么(nǐyàochīshénme)?คุณจะกินอะไร
我要吃饺子(wǒyàochījiǎozi)。ฉันจะกินเกี๊ยว

โครงสร้างการเรียงประโยค ภาษาจีน ที่ต่างกับไทย

你在哪儿学习汉语?(nǐzàinǎerxuéxíhànyǔ) คุณเรียนภาษาจีนที่ไหน
我在北京学习汉语。(wǒzàiběijīngxuéxíhànyǔ) ฉันเรียนภาษาจีนที่ปักกิ่ง
โครงสร้างภาษาจีน = ใคร + ที่ไหน + ทำอะไร ส่วนถ้าเป็นภาษาไทย = ใคร + ทำอะไร + ที่ไหน

你跟谁去北京?(nǐgēnshuíqù) คุณไปปักกิ่งกับใคร
我跟朋友去(wǒgēnpéngyǒuqù)。ฉันไปกับเพื่อน
โครงสร้างภาษาจีน = ใคร + กับใคร + ทำอะไร ส่วนถ้าเป็นภาษาไทย = ใคร + ทำอะไร + กับใคร

ขอให้เพื่อนๆ ลองหมั่นสังเกตประโยคอื่นๆ ที่เพื่อนๆ เคยเจอ หรือเรียนมาดู เพื่อคราวหน้าจะได้ใช้ได้อย่างไม่สับสน สำหรับเรื่องการเรียงประโยคในภาษาจีน ยังมีมากกว่านี้ แต่วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อนค่ะ

6/20/2009

เหนื่อยจังเลย

เหนื่อยในที่นี้ไม่ได้มาจากการที่ต้องมาเขียนบล็อก ภาษาจีน หรอกนะคะ แต่เหนื่อยจากการออกกำลังกายเพิ่งเสร็จ วันนี้จะมาดูกันว่าความเหนื่อยจะโยงยังไงให้เกี่ยวกับ ภาษาจีน ได้

累死了!(lèisǐle) หรือ เหนื่อยจังเลย
คำว่า 死(sǐ) ใน ภาษาจีนกลาง ตัวเดียวโดด แปลว่าตาย ฟังดูก็ไม่เป็นมงคล แต่เมื่อนำมาวางไว้ด้านหลังคำคุณศํพท์ อย่างในกรณีนี้จะมีความหมายว่ามากๆ เป็นไปในเชิงเปรียบเทียบ ว่ามากจนจะตายอยู่แล้ว

นอกจากนี้ก็ยังมีคำที่ได้ยินบ่อยๆ เช่น 饿死了!(èsǐle) หิวจังเลย,หิวมากๆ 饱死了!(bǎosǐle) อิ่มจังเลย,อิ่มมากๆ ถ้าเป็นคนไทยอย่างเราๆ พูดกับเพื่อนๆ ที่สนิท ก็คงจะแปลว่า อิ่มจนจะ....อยู่แล้ว อะไรประมาณนี้

6/19/2009

เว็บภาษาจีน

หลายวันนี้ไม่ได้เข้ามาอัพเดทบล็อกต้องขอโทษด้วยนะคะ เพราะว่ากำลังทำเว็บไซต์เรียน ภาษาจีน อยู่ค่ะ ถ้าสนใจก็ลองแวะเข้าไปชมได้ที่ http://www.lovechineseclub.com/ หน้าตาเว็บอาจจะพื้นๆ เพราะไม่มีหัวทางด้านศิลป์เลยแม้แต่น้อย

แต่ก็พยายามทำโดยเน้นข้อมูลเป็นหลักค่ะ อยากรวบรวมสิ่งที่ตัวเองชอบ และเคยเรียนมา เพื่อแบ่งปันให้ผู้ที่สนใจ ภาษาจีน เหมือนกันได้เข้ามาศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้กัน แต่เว็บก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ บางหัวข้ออาจจะยังไม่มีข้อมูล ก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ แล้วจะพยายามปรับปรุงนำข้อมูลมาใส่เรื่อยๆค่ะ

รอคอยกำลังใจจากผู้ที่ชอบ ภาษาจีน เหมือนกัน หรือผู้ที่สนใจก็ยินดีค่ะ

6/14/2009

ฤดูกาล กับ สภาพอากาศ

วันนี้นึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไรดี พอดีฝนตกก็เลยเขียนเรื่องฤดูกาล กับ สภาพอากาศล่ะกัน ทีนี้ก็มาดูว่า ภาษาจีน เขียนยังไง ฤดูในประเทศจีน อาจต่างจากไทยไปบ้าง เพราะจีนมี 4 ฤดูคือ
  • 春天(chūntiān) ฤดูใบไม้ผลิ
  • 夏天(xiàtiān) ฤดูร้อน
  • 秋天(qiūtiān) ฤดูใบไม้ร่วง
  • 冬天(dōngtiān) ฤดูหนาว
    ส่วนของไทยจะมีฤดูฝน 雨季(yǔjì) ด้วย

ในแต่ละฤดูสภาพอากาศก็จะต่างกันไป ทีนี้มาดูคำศัพท์เกี่ยวกับสภาพอากาศกันบ้าง

  • 热(rè) ร้อน
  • 冷(lěng) หนาว
  • 下雪(xiàxuě) หิมะตก
  • 下雨(xiàyǔ) ฝนตก


พูดถึงหิมะแล้ว ก็มีเรื่องจะเล่าให้ฟังคือ ตอนที่เรียนอยู่เมืองจีนนั้น เมืองที่เลือกคือหางโจว ซึ่งมีสภาพอากาศที่หนาว แต่ก็ดีที่ไม่หนาวจัดเหมือนพวกปักกิ่ง หรือเมืองตอนเหนือ ที่หางโจวหิมะไม่ได้ตกทุกปีหรอก แต่โชคดีที่ปีที่ไปเรียนนี้หิมะตก แต่ก็เป็นช่วงที่กำลังจะกลับไทยเช่นกัน จึงภาวนาเมื่อไหร่หิมะจะตกจะได้เห็น ได้สัมผัสกับเค้าบ้าง


เพื่อนคนจีนกับเกาหลีที่เค้าเห็นกันจนเบื่อแล้วเค้าก็ขำๆกัน และแล้วเมื่อถึงตอนที่หิมะตกจริงๆ เพื่อนๆ ต่างก็แซวกันใหญ่บอกให้ดูเร็ว เดี๋ยวกลับบ้านไปไม่ได้เห็นนะ คนไทยอย่างเราๆ ก็อย่างนี้แหละ ไม่เคยเห็นก็อยากเห็น แต่คนที่เคยเห็นจนเบื่อเค้าก็ไม่อยากเห็นแล้ว


ที่อยากเห็นก็เพราะเวลาหิมะตก หรือปกคลุมมันก็สวยดี แต่ก็อย่างว่าความสวยงามมักมาคู่กับความทรมาน เพราะอากาศที่หนาวนั้นมันทรมาน แบบว่ารู้ซึ้งถึงคำว่า หนาวเข้ากระดูกเลย ว่ามันเป็นยังไง จริงๆ แล้วอากาศเย็น หรือหนาวก็ยังพอทน แต่พอเวลาที่ลมพัดมานี่ซิ มันแสนสาหัสยิ่งนัก สุดบรรยายเลยจริงๆ


6/13/2009

ไม่สบาย

เรียน ภาษาจีน กันมาตั้งมากมายก็คงต้องเกิดอาการไม่สบายกันบ้างใช่มั้ยค่ะ อย่างแรกก็คงต้องปวดหัวกันแน่ๆ งั้นก็ไปดูคำศัพท์เลยดีกว่า

头疼(tóuténg) ปวดหัว
不太(bútài) ไม่ค่อย
舒服(shūfu) สบาย,สะดวกสบาย
生病(shēngbìng) ป่วย
感冒(gǎnmào) เป็นหวัด
发烧(fāshāo) เป็นไข้
怎么了(zěnmele) เป็นยังไงบ้าง

สนทนา ภาษาจีน

A : 你怎么了(nǐzěnmele)? เธอเป็นยังไงบ้าง
B : 我不太舒服(wǒbútàishūfu)。ฉันไม่ค่อยสบาย
A : 你生病吗?(nǐshēngbìngma) เธอป่วยหรือป่าว
B : 我有点儿头疼(wǒyǒudiǎnrtóuténg)。ฉันปวดหัวนิดหน่อย
A : 是不是感冒了(shìbushìgǎnmàole)?ใช่เป็นหวัดหรือป่าว
A : 不是,但是有点儿发烧。(búshì, dànshìyǒudiǎnrfāshāo) ไม่ใช่ แต่เป็นไข้นิดหน่อย
B : 那你要多休息。(nànǐyàoduōxiūxī) งั้น เธอต้องพักผ่อนมากๆ

อ่านจบแล้วก็หวังว่าทุกคน คงไม่ได้ปวดหัว จากการเรียน ภาษาจีน หรอกนะค่ะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ

6/12/2009

ภาษาจีน ใครว่ายาก?

เราขอตอบคนแรกเลยล่ะกัน...ก็ตัวเรานี่แหละที่ว่ายาก เรายังจำได้ดีถึงวันแรกที่ได้เรียน ภาษาจีน เป็นอะไรที่ยากมาก เพราะศัพท์สักตัวไม่มีอยู่ในสมองอันไร้รอยหยัก เหล่าซือพูดอะไรก็ทำหน้าเอ๋อใส่ ฟังไม่รู้เรื่องเลย เรียนก็ไม่รู้เรื่อง

วิธีสอนของเหล่าซือก็ไม่เหมือนใคร มาเข้าห้องเรียนชั่วโมงแรก ไม่ได้สอนพินอินก่อน มาถึงก็ถามเป็นประโยค ภาษาจีน เลย เราได้แต่ งงงงงงงงงงงงงงง เหมือนจะฝึกให้เราชินกับสำเนียงการออกเสียงของคนจีน จากนั้นค่อยสอนให้อ่านคำศัพท์ แล้วก็อธิบายคำศัพท์

พอท้ายชั่วโมงก็เหมือนเดิมยิงคำถาม ภาษาจีน ให้ตอบ ความรู้สึกตอนนั้นแย่มาก เพราะไม่รู้ว่าเหล่าซือพูดอะไร ตอบอะไรก็ไม่ได้ แต่พอผ่านช่วงนั้นมาได้จนถึงวันนี้ ก็รู้สึกขอบคุณเหล่าซือท่านนั้นจริงๆ แม้วิธีการจะแปลกไปหน่อย และทำให้เรารู้สึกกดดันก็ตามที

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเมื่อเราเจออุปสรรคอะไรก็ตามที ต้องอดทนและพยายามฟันฝ่ามันไปให้ได้ และเมื่อเราผ่านได้แล้วค่อยลองมองย้อนกลับไป แท้จริงแล้วก็ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถ

谁说汉语很难?(shuíshuōhànyǔhěnnán)ภาษาจีน ใครว่ายาก?

นอกจากเราแล้วคงมีอีกหลายคนที่คิดว่า ภาษาจีน ยาก เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราควรทำอย่างไรล่ะ
  1. จดและจำ ต้องมาคู่กัน คือ รู้จักจดบันทึกในสิ่งที่เรียนมาและพยายามจำให้ได้ ถ้ายังจำไม่ได้ก็ทบทวนสิ่งที่จดบันทึกไว้ หลายๆ รอบ ส่วนการจำนั้น แม้จะจำได้แล้วก็ควรจดด้วย เพราะบางครั้งเราอาจคิดว่าเราจำได้แล้วแต่พอเรียนไปเยอะๆ ต้องจำหลายอย่างก็อาจ มีลืมกันบ้าง จึงควรจดเอาไว้ เพื่อจะย้อนมาอ่านได้ทีหลัง
  2. อ่านเตรียม เรียนจบทบทวน ต้องเตรียมตัวอ่านหรือดูบทที่จะเรียนก่อนล่วงหน้า และเมื่อเรียนจบก็ทบทวนอีกรอบ จะช่วยเพิ่มความเข้าใจได้มากขึ้น
  3. ฝึกเขียนคำศัพท์บ่อยๆ จะได้เขียนเป็น ตอนเริ่มเรียนใหม่ๆ จำได้ว่าต้องคัดศัพท์ทุกวัน คัดจนมือด้านไปเลย
  4. หาสิ่งที่เป็นจีนๆ ทำ เช่น ดูหนัง ฟังเพลงจีน
  5. สละเวลาวันละนิด เพื่อพิชิต ภาษาจีน การเรียนไม่ว่าภาษาไหนก็ต้องใช้เวลาทั้งนั้นถึงจะได้ผล การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน

สุดท้าย ท้ายสุดก็ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียน ภาษาจีน <รวมทั้งตัวเราด้วย>.....สาธุ!


6/11/2009

什么 กับ 怎么

什么(shénme)กับ怎么(zěnme)ใน ภาษาจีน มีความหมายต่างกันเล็กน้อย โดย 什么 แปลว่า อะไร ส่วน 怎么 แปลว่า อย่างไร,ยังไง และวิธีใช้ก็ต่างกัน เรามาดูกันว่าใช้อย่างไร

什么 ใช้วางหลังคำกริยา หรือ วางหน้าคำนาม
V.+什么 เช่น 吃什么? กินอะไร
什么+N. เช่น 什么书? หนังสืออะไร

ส่วน 怎么 ใช้วางหน้าคำกริยา
怎么 +V. เช่น 怎么写 เขียนอย่างไร

อาจเป็นเพราะเสียงใกล้กันเวลาใช้เลยสับสนไปบ้าง แต่จริงๆก็ไม่มีอะไรยากขอแค่หมั่นทบทวนบ่อยๆ ก็จำได้เอง แล้วพบกับความรู้ ภาษาจีน ตอนต่อไปนะค่ะ

6/10/2009

有点儿 กับ 一点儿

วันนี้พอดีเปิดตำรา ภาษาจีน ที่เคยเรียนมาเจอการใช้ 有点儿(yǒudiǎnr) กับ 一点儿(yìdiǎnr) เลยนำมาฝากกัน แล้วก็ถือเป็นการทบทวนไปด้วยในตัว

การใช้ 有点儿(yǒudiǎnr) มี 2 กรณีคือ
  1. วางไว้หน้าคำคุณศัพท์ 有点儿 + adj. มีความหมายว่า ........ไปหน่อย เช่น 有点儿贵 แพงไปหน่อย
  2. วางไว้หน้าคำนาม 有点儿 + N. มีความหมายว่า มี.....นิดหน่อย เช่น 有点儿钱 มีเงินนิดหน่อย

การใช้ 一点儿(yìdiǎnr) ก็มี 2 กรณีเช่นกัน

  1. วางไว้หลังคำคุณศัพท์ adj. + 一点儿 มีความหมายว่า ........หน่อย เช่น 大一点儿 ใหญ่หน่อย
  2. วางไว้หลังคำกริยา v. + 一点儿 มีความหมายว่า ........หน่อย เช่น 卖一点儿 ซื้อหน่อย

ข้อสังเกต

有点儿 จะต้องวางไว้หน้า adj./N. ส่วน 一点儿 จะวางไว้หลัง adj./v. หวังว่านำไปใช้คราวหน้าคงไม่สับสนนะค่ะ แล้วพบกันใหม่กับบทต่อไปค่ะ


เคยมั้ย...ในภาษาจีน

หลังจากห่างหายจากไวยากรณ์ ภาษาจีน มานาน ก็มาเรียนกันสักหน่อย ก็ตามชื่อเรื่องเลยค่ะ เคยมั้ย จะพูดเป็น ภาษาจีน ได้อย่างไร

过(guò) แปลว่า ข้าม หรือ ผ่าน แต่ก็มีอีกความหมายหนึ่งคือ เคย

过 จะมีความหมายว่า เคย โดยนำไปวางไว้หลังคำกริยา v.+ 过........吗?เช่น

  • 去过(qùguò) เคยไป
  • 你去过中国吗?(nǐqùguòzhōngguóma) คุณเคยไปประเทศจีนมั้ย
  • 来过(láiguò) เคยมา
  • 你来过泰国吗?(nǐláiguòtàiguóma) คุณเคยมาประเทศไทยมั้ย
  • 吃过(chīguò) เคยกิน
  • 你吃过泰国菜吗?(nǐchīguòtàiguócàima) คุณเคยกินอาหารไทยมั้ย
  • 看过(kànguò) เคยดู
  • 你看过这部电影吗?(nǐkànguòzhèbùdiànyǐngma) คุณเคยดูหนังเรื่องนี้มั้ย
  • 听过(tīngguò) เคยฟัง
  • 你听过这首歌吗?(nǐtīngguòzhèshǒugēma) คุณเคยฟังเพลงนี้มั้ย

อย่าสับสนระหว่างคำว่า 去过(qùguò) เคยไป กับ 过去(guòqù)ผ่านไป,ข้ามไป และคำว่า 来过(láiguò) เคยมา กับ 过来(guòlái) ผ่านมา,ข้ามมา นะค่ะ


6/06/2009

ขอนอกเรื่องนิดนึง

เรียน ภาษาจีน ก็มักจะเหนื่อยกันอย่างนี้แหละค่ะ แต่ยังไงก็อย่าเพิ่งท้อนะค่ะ สู้ๆ ค่ะ เพราะต่อจากนี้จะพยายามทำให้แต่ละบทมีเนื้อหาสั้นลง จะได้ไม่ปวดหัวกัน เอาสักบทละ 10 คำคงน่าจะพอไหวกันนะค่ะ แล้วจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะ...ขอเวลาหาตำราที่ร่ำเรียนมาปัดฝุ่นกันหน่อยก่อนจะออกเดินทางกันต่อไป

เวลานี้ดึกก็ดึก ง่วงก็ง่วงคงปัดฝุ่นกันไม่ทันล่ะ เดี๋ยวว่างเมื่อไหร่จะมาทำการอัพเดทข้อมูล ภาษาจีน กันต่อ ขอคิดก่อนว่าจะทำยังไงดี แต่ตอนนี้คงไม่ไหวแล้ว ตาอันตี่ๆ กำลังจะปิดลงแล้ว คงต้องเก็บไปฝันเป็น ภาษาจีน แล้วเอามาบอกกันทีหลังแล้วล่ะ



6/04/2009

บันทึกประจำวัน

ต่อไปเราก็จะมาเรียนรู้คำศัพท์ ภาษาจีนกลาง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาจนกระทั่งเข้านอนกันเลย
  1. 叫醒(jiàoxǐng) ปลุก
  2. 醒(xǐng) ตื่นนอน
  3. 但是(dànshì) แต่,แต่ว่า
  4. 还(hái) ยัง,ยังคง
  5. 不想(bùxiǎng) ไม่อยาก
  6. 就(jiù) ก็
  7. 才(cái) ถึงจะ
  8. 起床(qǐchuáng) ลุกจากเตียง
  9. 睡懒觉(shuìlǎnjiào) นอนตื่นสาย
  10. 只(zhī) แค่,เพียง
  11. 刷牙(shuāyá) แปรงฟัน
  12. 洗澡(xǐzǎo) อาบน้ำ
  13. 吃饭(chīfàn) กินข้าว
  14. 上课(shàngkè) เข้าเรียน,เริ่มเรียน
  15. 下课(xiàkè) เลิกเรียน
  16. 以后(yǐhòu) หลังจาก,ตอนหลัง
  17. 以前(yǐqián) ก่อน,เมื่อก่อน
  18. 马上(mǎshàng) ทันที
  19. 回家(huíjiā) กลับบ้าน
  20. 家里人(jiālǐrén) คนในครอบครัว,สมาชิกในครอบครัว
  21. 一起(yìqǐ) ด้วยกัน
  22. 做(zuò) ทำ
  23. 完(wán) เสร็จ
  24. 作业(zuòyè) การบ้าน
  25. 看电视(kàndiànshì) ดูโทรทัศน์
  26. 听音乐(tīngyīnyuè) ฟังเพลง
  27. 或者(huòzhě) หรือไม่
  28. 睡觉(shuìjiào) เข้านอน,นอนหลับ

ตัวอย่างบทความ ภาษาจีนกลาง สั้นๆ

今天早上6点,妈妈叫醒我但是我还不想起床,所以就睡懒觉。只有10分钟刷牙和洗澡。没有吃早饭就去上课。我每天早上8点上课到下午4点才下课。下课以后我马上回家跟家里人一起吃晚饭,然后做作业,做完了作业就看电视或者听音乐到晚上11点才睡觉。

5/31/2009

ออกสู่สนามรบ

หลังจากที่ผ่อนคลายจากการไปเที่ยวแล้วก็ฟังเพลงกันมาแล้ว ต่อไปก็ต้องเผชิญกับความจริงกันนั่นก็คือจากบทที่ผ่านมาก็คงพอมีความรู้กันบ้าง หรือว่า...ไม่มีเลยก็ไม่รู้ อันนี้ก็ต้องโทษคนเขียนบล็อกเอาเองว่าสื่อสารกันยังไง คิดไปมาใครกันหว่าที่เขียน...ก็ตัวเราเองนี่หน่าถ้ายังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ ถ้าทำให้งงหรือสับสนประการใด กลับเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า ฟังๆดูบทนี้นี่อะไรกัน แค่ชื่อก็ฟังดูน่ากลัว และโหดร้ายจะมารบอะไรกันถึงต้องออกสู่สนามรบ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่หมายถึงต้องนำสิ่งที่ได้มาไปใช้ในสถานการณ์จริงๆ ถึงจะได้ผล แต่ก่อนที่จะมีการรบใดๆ ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้ก่อน สำหรับบทนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากเขียนมาฝากผู้ที่จะไปศึกษาต่อที่เมืองจีนว่าเราจะต้องเตรียมอะไรไว้บ้าง

เรียนต่อประเทศจีน
การเรียนต่อเมืองจีนนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพราะในปัจจุบันมีบริษัทตัวแทนต่างๆ มากมายที่คอยแนะนำ ให้คำปรึกษา รวมทั้งดำเนินการเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขอวีซ่า หรือจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบิน แต่สิ่งที่เราจะต้องทำก่อนที่จะตัดสินใจไปเรียนต่อเมืองจีนก็คือ
  1. งบประมาณ ต้องรู้งบประมาณค่าใช้จ่าย และค่าครองชีพของเมืองที่เราเลือกจะไปศึกษาต่อ โดยศึกษาข้อมูลจากหนังสือคู่มือการเรียนต่อเมืองจีน หรือตามบริษัทตัวแทนต่างๆ
  2. สภาพอากาศ ต้องรู้ว่าร่างกายเราสามารถทนต่อสภาพอากาศที่ต่างจากบ้านเราได้มากน้อยแค่ไหน เพราะการไปเรียนบางเมืองที่มีสภาพอากาศหนาวจัดอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกก็จริง แต่ถ้าร่างกายเราทนไม่ได้ก็คงไม่เป็นอันเรียนแน่ๆ
  3. สุขภาพร่างกาย อันนี้ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ เพราะการไปเรียนเมืองจีนตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไปจะต้องมีการตรวจโรค
  4. ความพร้อมของสภาพจิตใจ อันนี้ก็สำคัญเหมือนกันนะ เพราะเราต้องทนต่อสภาพที่เหงาๆ และคิดถึงบ้าน เมื่อต้องอยู่ไกลครอบครัว และคนที่เรารัก
  5. การปรับตัว สำรวจตัวเองว่าสามารถปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นได้ดีแค่ไหน เพราะเราจะต้องอยู่รวมกับคนอื่น ที่มีเชื้อชาติ ภาษา และวัฒนธรรมที่ต่างกัน

ถ้าเตรียมตัวกันพร้อมแล้วก็ไปสมัครเรียนกันเลยค่ะ ช่วงเวลารับสมัครโดยปกติจะมี 2 ช่วง คือ สมัครก่อนสิ้นเดือนมิถุนายน สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาในเทอมกันยายนของทุกปี และสมัครก่อนสิ้นเดือนธันวาคม สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาในเทอมมีนาคมของทุกปี


5/29/2009

เพลงจีน

ข้ามเรื่องกันนิดหนึ่ง พอดีอยากฟังเพลงนี้ขึ้นมาก็เลยเอามาฝากกัน ส่วนคำแปลนั้นก็อาจไม่ดีเท่าใดนัก แต่อยากหัดแปลก็เลยลองแปลดู

都是你(dōushìnǐ) ทั้งหมดคือเธอ

谁改变了我的世界(shuígǎibiànlewǒdeshìjiè)
ใครกันที่เปลี่ยนแปลงโลกของฉัน
没有方向没有日夜(méiyǒufāngxiàngméiyǒurìyè)
ไม่มีทิศทาง ไม่มีวันมีคืน
我看着天这一刻在想你(wǒkànzhetiānzhèyíkèzàixiǎngnǐ)
ฉันแหงนหน้ามองฟ้าคิดถึงเธออยู่
是否会对我一样思念(shìfǒuhuìduìwǒyíyàngsīniàn)
เธอก็คิดถึงฉันเหมือนกันใช่ไหม
你曾说我们有一个梦(nǐcéngshuōwǒmenyǒuyígèmèng)
เธอเคยพูดว่าพวกเรามีความฝัน
等到那天我们来实现(děngdàonàtiānwǒmenláishíxiàn)
รอให้ถึงวันนั้นพวกเรามาสร้างให้เป็นจริง
我望着天在心中默默念(wǒwàngzhetiānzàixīnzhōngmòmòni)
ฉันมองท้องฟ้าในใจคิดภาวนา
下一秒你出现在眼前(xiàyīmiǎonǐchūxiànzàiyǎnqián)
วินาทีถัดจากนั้นเธอก็มาปรากฎตรงหน้า
想念的心装满的都是你(xiǎngniàndexīnzhuāngmǎndedōush)
ใจที่คิดถึงเติมเต็มไปด้วยเธอ
我的钢琴弹奏的都是你(wǒdegāngqíntánzòudedōushìnǐ)
เปียโนที่เล่นทำนองที่บรรเลงล้วนเป็นเธอ
我的日记写满的都是你的名(wǒderìjìxiěmǎndedōushìnǐdemíng)
บันทึกที่เขียนทั้งหมดก็คือชื่อของเธอ
才发现又另一个黎明(cáifāxiànyòulìngyígèlímíng)
รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นเช้าวันใหม่
你曾说我们有一个梦(nǐcéngshuōwǒmenyǒuyígèmèng)
เธอเคยพูดว่าพวกเรามีความฝัน
等到那天我们来实现(děngdàonàtiānwǒmenláishíxiàn)
รอให้ถึงวันนั้นพวกเรามาสร้างให้เป็นจริง
我望着天在心中默默念(wǒwàngzhetiānzàixīnzhōngmòmòni)
ฉันมองท้องฟ้าในใจคิดภาวนา
下一秒你出现在眼前(xiàyīmiǎonǐchūxiànzàiyǎnqián)
วินาทีถัดจากนั้นเธอก็มาปรากฎตรงหน้า
想念的心装满的都是你(xiǎngniàndexīnzhuāngmǎndedōush)
ใจที่คิดถึงเติมเต็มไปด้วยเธอ
我的钢琴弹奏的都是你(wǒdegāngqíntánzòudedōushìnǐ)
เปียโนที่เล่นทำนองที่บรรเลงล้วนเป็นเธอ
我的日记写满的都是你的名(wǒderìjìxiěmǎndedōushìnǐdemíng)
บันทึกที่เขียนทั้งหมดก็คือชื่อเธอ
才发现又另一个黎明(cáifāxiànyòulìngyígèlímíng)
รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นเช้าวันใหม่
我的日记写满的都是你的名(wǒderìjìxiěmǎndedōushìnǐdemíng)
บันทึกที่เขียนทั้งหมดคือชื่อของเธอ
才发现又是另一个黎明(cáifāxiànyòushìlìngyígèlímíng)
รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นเช้าวันใหม่
这是我对你爱的累积(zhèshìwǒduìnǐàidelěijī)
นี่คือความรักที่ฉันสั่งสมไว้เพื่อเธอ

5/28/2009

ทิศทาง กับ การท่องเที่ยว

มัวแต่เล่าเรื่องเที่ยวจนลืมบอกทิศทาง การสอบถามเส้นทาง และการเดินทางซะสนิทเลย ยังไงก็นึกขึ้นได้แล้ว เรามาลุยกันเลยดีกว่า

ยานพาหนะในการเดินทาง
  • 车(chē) รถ,รถยนต์
  • 自行车(zìxíngchē) รถจักรยาน
  • 公共汽车(gōnggòngqìchē) รถเมล์
  • 出租汽车(chūzūqìchē) รถแท็กซี่
  • 地铁(dìtiě) รถไฟใต้ดิน
  • 火车(huǒchē) รถไฟ
  • 飞机(fēijī) เครื่องบิน
  • 船(chuán) เรือ

คำศัพท์

  1. 开(kāi) ขับ
  2. 骑(qí) ขี่
  3. 走(zǒu) เดิน,ไป
  4. 怎么(zěnme) ยังไง
  5. 路车(lùchē) สายรถเมล์
  6. 站(zhàn) สถานี,ป้าย
  7. 过(guò) ข้าม
  8. 马路(mǎlù) ถนน
  9. 天桥(tiānqiáo) สะพานลอย
  10. 邮局(yóujú) ที่ทำการไปรษณีย์
  11. 银行(yínháng) ธนาคาร
  12. 百货大楼(bǎihuòdàlóu) ห้างสรรพสินค้า
  13. 饭店(fàndiàn) ร้านอาหาร
  14. 商店(shāngdiàn) ร้านค้า
  15. 东边(dōngbian) ด้านตะวันออก,ทางทิศตะวันออก
  16. 南边(nánbian) ด้านใต้,ทางทิศใต้
  17. 西边(xībian) ด้านตะวันตก,ทางตะวันตก
  18. 北边(běibiān) ด้านเหนือ,ทางทิศเหนือ
  19. 附近(fùjìn) แถวๆนี้
  20. 左边(zuǒbian) ด้านซ้าย,ข้างซ้าย
  21. 右边(yòubian) ด้านขวา,ข้างขวา
  22. 对面(duìmiàn) ฝั่งตรงข้าม
  23. 前边(qiánbian) ด้านหน้า,ข้างหน้า
  24. 后边(hòubian) ด้านหลัง,ข้างหลัง
  25. 上边(shàngbian) ด้านบน,ข้างบน
  26. 下边(xiàbian) ด้านล่าง,ข้างล่าง
  27. 中间(zhōngjiān) ตรงกลาง
  28. 里边(lǐbian) ด้านใน,ข้างใน
  29. 外边(wàibian) ด้านนอก,ข้างนอก
  30. 旁边(pángbiān) ด้านข้าง
  31. 这边(zhèbiān) ฝั่งนี้,ด้านนี้,ทางนี้
  32. 那边(nàbiān) ฝั่งนั้น,ด้านนั้น,ทางนั้น
  33. 哪边(nǎbian) ฝั่งไหน,ด้านไหน,ทางไหน

บทสนทนา ภาษาจีนกลาง

1.

A : 问一下,我要去附近的银行怎么走?ถามหน่อยค่ะ จะไปธนาคารแถวๆนี้ ไปยังไงค่ะ
B : 从这里坐18路车三站就到了,银行在邮局的左边。จากที่นี่นั่งรถสาย 18 สามป้ายก็ถึงแล้ว ธนาคารอยู่ด้านซ้ายของที่ทำการไปรษณีย์
A : 谢谢!ขอบคุณค่ะ
B : 没关系。ไม่เป็นไรค่ะ

2.

A : 请问,附近的百货大楼怎么走?ถามหน่อยค่ะ ห้างสรรพสินค้าแถวๆ นี้ไปยังไงค่ะ
B : 你要过马路到那边,坐256 路车。คุณต้องข้ามถนนไปฝั่งนั้น นั่งสาย 256
A : 座几站才到呢? นั่งกี่ป้ายถึงจะถึงค่ะ
B : 五站就到了。5 ป้ายก็ถึงแล้ว
A : 下车以后,百货大楼在哪儿边?หลังจากลงรถแล้ว ห้างสรรพสินค้าอยู่ทางไหน
B : 在你下车站的对面。อยู่ฝั่งตรงข้ามของป้ายที่คุณลงรถ
A : 谢谢!ขอบคุณค่ะ
B : 不用谢。ไม่เป็นไรครับ