11/23/2008
ถึงเวลาไปเรียนกันแล้ว
幼儿园(yòuéryuán) โรงเรียนอนุบาล
学校(xuéxiào) โรงเรียน
学院(xuéyuàn) สถาบัน , วิทยาลัย
大学(dàxué) มหาวิทยาลัย
毕业(bìyè) จบการศึกษา
教室(jiàoshì) ห้องเรียน
教学楼(jiàoxuélóu) ตึกเรียน , อาคารเรียน
图书馆(túshūguǎn) ห้องสมุด
楼(lóu) ตึก , อาคาร , ชั้น
书店(shūdiàn) ร้านขายหนังสือ
在(zài) ที่ , อยู่ , กำลัง
就(jiù) ก็
那儿(nàr) ที่นั่น
问一下(wènyíxià) ถามหน่อยค่ะ
บทสนทนา ภาษาจีนกลาง
•A : 问一下,图书馆在哪儿? (书店 / 教室 / 教学楼 / 幼儿园)
B : 就在那儿。
A : 谢谢。
บทสนทนาอาจจะสั้นไปสักหน่อยก็ต้องขอโทษด้วย เพราะเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง เลยไม่รู้ว่าจะแต่งอะไร ใครคิดอะไรออกจะแต่งมากกว่านี้ก็ได้...อันนี้เราก็ไม่ว่ากัน ใครพูดเก่งแต่งได้มาก ก็ถือเป็นผลดีจะเป็นการทำให้พัฒนาภาษาได้เร็วกว่า ส่วนคนที่พูดไม่เก่ง พูดน้อย หรือคิดไม่ออกว่าจะพูดจะแต่งอะไร ก็ไม่เป็นไร ค่อยๆ เรียนไปดีกว่า เดี๋ยวจะคอยเป็นกำลังใจให้
11/22/2008
ไปเที่ยวกันดีกว่า
พักสักหน่อย
คิดอย่างนี้แล้วก็นึกถึงเหล่าซือเลย ต้องคอยหากลเม็ดมาสอน เพื่อไม่ให้ผู้เรียนเกิดความเครียด แล้วเราจะทำไงต่อดีเนี่ย สอนก็ไม่เคยสอน แต่ดันมาทำบล็อก ภาษาจีนกลาง ซะงั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำให้ผู้ที่แวะเวียนเข้ามา เข้าใจได้มากน้อยเพียงใด แต่ยังไงก็ขอทำต่อไปละกัน เพื่อประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ...เกี่ยวอะไรกันมั้ยเนี่ย
เราอยากให้ทุกคนเรียน ภาษาจีน ด้วยใจรัก เพราะครั้งหนึ่ง เราก็เป็นคนนึงที่รู้สึกท้อแล้วก็ไม่อยากเรียน แต่คิดว่าถ้าท้อแล้วถอย โดยไม่ยอมทุ่มเทให้กับมัน เราก็จะหยุดอยู่กับที่ ไม่มีทางที่จะรู้ศัพท์เพิ่มขึ้นได้เลย พักหลังเลยตั้งใจที่จะหาอะไรที่เป็นจีนๆ มาอ่านบ้าง อย่างน้อยจะได้ถือเป็นการทบทวนไปในตัว เพราะนี่ก็ห่างไปนานจนลืมไปก็เยอะ คิดแล้วเสียดายเงินป๊า ม้า ที่ส่งเสียให้เรียน จริงๆๆๆๆ
11/21/2008
เวลา ใน ภาษาจีน
秒(miǎo) = วินาที
分(fēn) = นาที
小时(xiǎoshí) = ชั่วโมง
现在(xiànzài) = ตอนนี้ , ขณะนี้
几(jǐ) = กี่
差(chà) = ขาด
半(bàn) = ครึ่ง
点(diǎn) = โมง , นาฬิกา
刻(kè) = 15 นาที
早上(zǎoshang) = ตอนเช้า
中午(zhōngwǔ) = ตอนเที่ยง , ตอนกลางวัน
下午(xiàwǔ) = ตอนบ่าย
晚上(wǎnshang) = ตอนเย็น
夜(yè) = กลางคืน
午夜(wǔyè) = เที่ยงคืน
大前天(dàqiántiān) = 3 วันก่อน
前天(qiántiān) = เมื่อวานซืน
昨天(zuótiān) = เมื่อวานนี้
今天(jīntiān) = วันนี้
明天(míngtiān) = พรุ่งนี้
后天(hòutiān) = มะรืนนี้
大后天(dàhòutiān) = 3 วันข้างหน้า
ต่อเนื่องจากบทที่แล้ว ลืมบอกไปว่าการนับวันเวลาใน ภาษาจีนกลาง ต้องเรียงจากหน่วยที่ใหญ่กว่าไปหาหน่วยที่เล็กกว่า คือจะเรียงเป็น ปี-เดือน-วัน เช่น วันนี้วันที่ 20 พฤศจิกายน 2008 ก็จะได้ว่า 2008年11月20日 พอเข้าใจกันบ้างหรือเปล่า ถ้าเข้าใจกันแล้วก็มาถามตอบเรื่องเวลากันดีกว่า
บทสนทนา ภาษาจีนกลาง
• 现在几点?
现在早上八点一刻。 (差一刻十点 / 十一点二十分 / 下午三点半)
• ตอนนี้กี่โมง
ตอนนี้ 8โมง 15นาที (ขาด 15 นาที 10 โมง / 11โมง 20 นาที / บ่ายสามโมงครึ่ง)
การบอกเวลาควรมีช่วงเวลากำกับว่า เป็นช่วงเช้า บ่าย หรือเย็น เพื่อจะได้ไม่เป็นการสับสน
วัน-เดือน-ปี
星期一(xīngqīyī) = วันจันทร์
星期二(xīngqīèr) = วันอังคาร
星期三(xīngqīsān) = วันพุธ
星期四(xīngqīsì) = วันพฤหัสบดี
星期五(xīngqīwǔ) = วันศุกร์
星期六(xīngqīliù) = วันเสาร์
星期天(xīngqītiān) / 星期日(xīngqīrì) = วันอาทิตย์
号(hào) = วันที่ , หมายเลข
ส่วนการนับวันที่ก็เริ่มจาก 一号(yīhào) = วันที่หนึ่ง ไล่ไปจนถึง 三十一号(sānshíyīhào) = วันที่สามสิบเอ็ด
日(rì) = วันที่ (ภาษาเขียน)
月(yuè) = เดือน
年(nián) = ปี
一月(yīyuè) = เดือนมกราคม
二月(èryuè) = เดือนกุมภาพันธ์
三月(sānyuè) = เดือนมีนาคม
四月(sìyuè) = เดือนเมษายน
五月(wǔyuè) = เดือนพฤษภาคม
六月(liùyuè) = เดือนมิถุนายน
七月(qīyuè) = เดือนกรกฎาคม
八月(bāyuè) = เดือนสิงหาคม
九月(jiǔyuè) = เดือนกันยายน
十月(shíyuè) = เดือนตุลาคม
十一月(shíyīyuè) = เดือนพฤศจิกายน
十二月(shíèryuè) = เดือนธันวาคม
一九九八年(yījiǔjiǔbānián) = ปี 1998
二零零八年(èrlínglíngbānián) = ปี 2008 การอ่านปีของจีนนั้นต้องอ่านตัวเลขทีละตัว
แนะนำตัว (ภาคต่อ)
认识(rènshi) = รู้จัก
高兴(gāoxìng) = ดีใจ
学习(xuéxí) = เรียน , การเรียน
汉语(hànyǔ) = ภาษาจีน
班(bān) = ชั้นเรียน , ชั้น , ห้อง
的(de) = ของ , แห่ง
学生(xuéshēng) = นักเรียน , นักศึกษา
留学生(liúxuéshēng) = นักเรียนต่างชาติ , นักศึกษาต่างประเทศ
朋友(péngyǒu) = เพื่อน
这(zhè) = นี่ , นี้
那(nà) = นั่น , นั้น , โน่น , โน้น
同学(tóngxué) = เพื่อนร่วมชั้นเรียน , เพื่อนนักเรียน , เพื่อนนักศีกษา
约翰(yuēhàn) = ทอม (ชื่อคน)
宋猜(sòngcāi) = สมชาย (ชื่อคน)
บทนี้จะของแต่งเป็นแบบเรียงความ และไม่มีพินอินกำกับจะได้หัดอ่าน ภาษาจีน กัน
你们好,我是泰国的留学生,来中国学习汉语,这是我的同学约翰(yuēhàn),他是美国人,那是宋猜(sòngcāi),他也是泰国人,我们班有美国人、英国人、法国人、德国人、日本人、韩国人和泰国人。
คำแปล
สวัสดีทุกท่าน ฉันคือนักเรียนต่างชาติของประเทศไทย มาประเทศจีนเรียน ภาษาจีน นี่คือเพื่อนร่วมชั้นของฉัน (ทอม) เขาเป็นชาวอเมริกา นั่นคือ สมชาย เขาก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ชั้นเรียนของพวกเรามีชาวอเมริกา ชาวอังกฤษ ชาวฝรั่งเศส ชาวเยอรมนี ชาวญี่ปุ่น ชาวเกาหลีใต้ และชาวไทย
แนะนำตัว
叫(jiào) = เรียก
称呼(chēnghu) = เรียก
名字(míngzì) = ชื่อ
姓(xìng) = แซ่ , สกุล
免(miǎn) = ไม่มี
贵(guì) = ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าแพง แต่เป็นคำที่แสดงความให้เกียรติ
来(lái) = มา
介绍(jièshào) = แนะนำ
哪儿(nǎr) = ไหน
国(guó) = ประเทศ
人(rén) = คน
泰国(tàiguó) = ประเทศไทย
中国(zhōngguó) = ประเทศจีน
日本(rìběn) = ประเทศญี่ปุ่น
韩国(hánguó) = ประเทศเกาหลีใต้
法国(fǎguó) = ประเทศฝรั่งเศส
英国(yīngguó) = ประเทศอังกฤษ
美国(měiguó) = ประเทศสหรัฐอเมริกา
德国(déguó) = ประเทศเยอรมนี
我来介绍一下(wǒ lái jièshào yíxià) ฉันมาแนะนำสักหน่อย / ฉันขอแนะนำสักหน่อย
• A : 你叫什么名字?(nǐjiàoshénmemíngzì) = คุณชื่ออะไร
B : 我叫小丽。(wǒjiàoxiǎolì) = ฉันชื่อเซี่ยวลี่
A : 你姓什么?(nǐxìngshénme) / 你贵姓?(nǐguìxìng)= คุณแซ่อะไร
B : 我姓林。(wǒxìnglín) = ฉันแซ่หลิน
ในที่นี่อาจจะไม่ได้แปลตรงตัว เพราะหากแปลทุกตัวตามคำศัพท์เลย ฟังดูคงแปลกๆ สำหรับผู้ที่เคยเรียนภาษาจีนกลาง มาคงจะคุ้นๆ กับประโยคเหล่านี้ดี แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีประโยคในรูปแบบอื่นที่สุภาพกว่านี้ คือ
• A : 你什么称呼?(nǐshénmechēnghu)
B : 我叫小丽。(wǒjiàoxiǎolì)
A : 你贵姓?(nǐguìxìng)
B : 我免贵姓林。(wǒmiǎnguìxìnglín)
การต่อรองราคา
便宜(piányi) = ถูก
贵(guì) = แพง
太(tài) = เกือบจะ , มาก (แต่น้อยกว่า 很)
一点儿(yìdiǎnr) = หน่อย , นิดหน่อย , เล็กน้อย
可以(kěyǐ) = ได้
打折(dǎzhé) = ลดราคา , ลดเปอร์เซนต์
讨价还价(tǎojiàhuánjià) = การต่อรองราคา
几(jǐ) = กี่
最(zuì) = สุด , ที่สุด
低(dī) = ต่ำ
价格(jiàgé) = ราคา
给(gěi) = ให้
特价(tèjià) = ราคาพิเศษ
是(shì) = คือ , ใช่
ก่อนจะไปที่บทสนทนา มีอะไรมาฝากนิดหน่อย ก็เกี่ยวกับเรื่องการซื้อของนี่แหละ จะสอนวิธีการดูป้ายสินค้า เมื่อเห็นป้ายที่เขียนแบบนี้ 8折 ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะลดราคา(เป็นเปอร์เซนต์) ให้ 80% แต่เค้าจะขายในราคา 80% หรือเท่ากับว่าเค้าลดราคาให้เราเพียง 20% ฉะนั้นคงรู้แล้วใช่มั้ยว่าหากตัวเลขยิ่งน้อยก็เท่ากับว่าเราจะซื้อของได้ในราคาถูก อย่างเช่น 3折 เราจะซื้อของได้ในราคา 30%
บทสนทนา ภาษาจีนกลาง
1.A : 便宜一点儿可以吗(piányiyìdiǎnerkěyǐma)?
B : 你要多少(nǐyàoduōshǎo)?
A : 你可以给我最低是多少(nǐkěyǐgěiwǒzuìdīshìduōshǎo)?
B : 五十块(wǔshíkuài)。
A : 太贵(tàiguì),我不要买了(wǒbúyàomǎile)。
B : 四十五块(sìshíwǔkuài)。
A : 三十块(sānshíkuài),可以吗(kěyǐma)?
B : 可以(kěyǐ)。
A : ถูกหน่อยได้ไหม
B : คุณต้องการเท่าไหร่
A : คุณให้ฉันได้ต่ำสุดคือเท่าไหร่
B : ห้าสิบเหรียญ
A : แพงไป ฉันไม่ต้องการซื้อแล้ว
B : สี่สิบห้าเหรียญ
A : สามสิบเหรียญ ได้ไหม
B : ได้
นี่เป็นเพียงแค่บทสนทนาที่แต่งขึ้นมาเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงการต่อรองราคานั้นไม่ได้ง่ายแบบนี้ เพราะพ่อค้า แม่ค้าคงไม่ใจดีรีบให้หรอก แต่มีเทคนิคอยู่ตรงที่ว่า เราอย่าแสดงออกว่าอยากได้สินค้านั้นจนเกินเหตุเมื่อเราต่อแล้วเค้าไม่ให้ ก็ให้เราแกล้งเดินออกจากร้าน ประมาณว่าไม่ให้ก็ไม่ซื้อ รับรองได้เลยว่ายังไงร้อยทั้งร้อยเค้าต้องเรียกเรากลับมาให้ซื้อของชิ้นนั้นเป็นแน่ แค่นี้ก็เรียบร้อย...เราจะได้ซื้อของในราคาที่เราพอใจ
11/19/2008
จับจ่าย-ซื้อของ
买(mǎi) = ซื้อ
卖(mài) = ขาย
多(duō) = มาก , เยอะ
少(shǎo) = น้อย
多少(duōshǎo) = เท่าไหร่
钱(qián) = เงิน , ราคา
换(huàn) = แลกเปลี่ยน , เปลี่ยน
词典(cídiǎn) = พจนานุกรม
本子(běnzi) = สมุด
书(shū) = หนังสือ
笔(bǐ) = ปากกา
书包(shūbāo) = กระเป๋าหนังสือ
个(gè) = ชิ้น , อัน
本(běn) = เล่ม (ลักษณะนาม)
杯(bēi) = ถ้วย (ลักษณะนาม)
一(yī) = หนึ่ง
二(èr) = สอง
三(sān) = สาม
四(sì) = สี่
五(wǔ) = ห้า
六(liù) = หก
七(qī) = เจ็ด
八(bā) = แปด
九(jiǔ) = เก้า
十(shí) = สิบ
百(bǎi) = ร้อย
千(qiān) = พัน
万(wàn) = หมื่น
美元(měiyuán) = ดอลล่าร์ (สกุลเงินของอเมริกา)
泰铢(tàizhū) = บาท (สกุลเงินไทย)
人民币(rénmínbì) = สกุลเงินจีน
块(kuài) = หน่วยเงินจีน มีขนาดใหญ่สุด (ภาษาพูด)
元(yuán) = หน่วยเงินจีน (ภาษาเขียน)
毛(máo) = หน่วยเงินจีน ที่มีขนาดเล็กกว่า 块 ใช้ในภาษาพูด
角(jiǎo) = มีความหมายเหมือนกับ 毛 แต่ใช้ในภาษาเขียน
分(fēn) = หน่วยเงินจีน ที่มีขนาดเล็กที่สุด
เห็นคำศัพท์ ภาษาจีน กันอย่างนี้แล้วก็อย่าเพิ่งตาลายนะ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นตัวเลขมากกว่า เพราะการจะซื้อของได้ก็ต้องรู้จักตัวเลขไว้ด้วยนะ ถ้าจำกันได้แล้ว จะได้โต้ตอบราคากันได้ยังไง
บทสนทนา ภาษาจีนกลาง
1. A : 我要换钱。(wǒyàohuànqián) = ฉันต้องการแลกเงิน
B : 换多少?(huànduōshǎo) = แลกเท่าไหร่
A : 一百美元。(yībǎiměiyuán) = หนึ่งร้อยดอลล่าร์
2. A : 我要买词典。(wǒyàomǎicídiǎn)一本词典(yīběncídiǎn),多少钱?= ฉันต้องการซื้อพจนานุกรม พจนานุกรมหนึ่งเล่มราคาเท่าไหร่
B : 七十五块。(qīshíwǔkuài) = เจ็ดสิบห้าเหรียญ
คำศัพท์บางคำอาจไม่ถูกนำมาใช้ในบทสนทนา แต่คุณก็สามารถเรียนรู้และปรับเปลี่ยนใช้เองได้ง่ายๆ เพราะจริงๆ แล้ว ภาษาจีนกลาง กับภาษาไทยนั้นมีความใกล้เคียงกันมาก สำหรับบทนี้คงพอแค่นี้ก่อน เพราะเกรงว่าจะเอียนกันเสียก่อน เรื่องการต่อรองราคาจะขอยกไปในบทต่อไป
อาหาร-เครื่องดื่ม
吃(chī) = กิน
饿(è) = หิว
饱(bǎo) = อิ่ม
渴(kě) = กระหาย
喝(hē) = ดื่ม
什么(shénme) = อะไร
和(hé) = กับ , และ
要(yào) = จะ , ต้องการ , เอา
喜欢(xǐhuan) = ชอบ
点(diǎn) = สั่ง , จุด
菜(cài) = อาหาร , กับข้าว
米饭(mǐfàn) = ข้าวสวย
饺子(jiǎozi) = เกี๊ยว
面条(miàntiáo) = บะหมี่
面包(miànbāo) = ขนมปัง
包子(bāozi) = ซาลาเปา
饮料(yǐnliào) = เครื่องดื่ม
啤酒(píjiǔ) = เบียร์
白酒(báijiǔ) = เหล้าขาว
可乐(kělè) = โค้ก
雪碧(xuěbì) = สไปร์ซ
百事可乐(bǎishìkělè) = เป๊ปซี่
果汁(guǒzhī) = น้ำผลไม้
茶(chá) = ชา
咖啡(kāfēi) = กาแฟ
白水(báishuǐ) = น้ำเปล่า
矿泉水(kuàngquánshuǐ) = น้ำแร่
牛奶(niúnǎi) = นมโค
稍(shāo) นิดหน่อย , นิดเดียว
等(děng) รอ , คอย
一下(yíxià) นิดหน่อย , เล็กน้อย , ประเดี๋ยวเดียว
บทสนทนา ภาษาจีนกลาง
A : 我要点菜(wǒyàodiǎncài)?
B : 你要点什么(nǐyàodiǎnshénme)?
A : 你喜欢吃什么(nǐxǐhuanchīshénme)?
C : 我喜欢吃面条(wǒxǐhuanchīmiàntiáo),你呢(nǐne)?
A : 我喜欢吃包子(wǒxǐhuanchībāozi)。我们要面条和包子(wǒmenyàomiàntiáohébāozi)。
B : 你们要喝什么饮料(nǐmenyàohēshénmeyǐnliào)?
A : 我要喝啤酒(wǒyàohēpíjiǔ)。
C : 我也要喝啤酒(wǒyěyàohēpíjiǔ)。
B : 请稍等一下(qǐngshāoděngyíxià)。
A : ฉันต้องการสั่งอาหาร
B : คุณต้องการสั่งอะไร
A : คุณชอบทานอะไร
C : ฉันชอบทานบะหมี่ คุณล่ะ
A : ฉันชอบทานซาลาเปา พวกเราเอาบะหมี่กับซาลาเปา
B : พวกคุณจะดื่มเครื่องดื่มอะไร
A : ฉันจะดื่มเบียร์
C : ฉันก็จะดื่มเบียร์เหมือนกัน
B : กรุณารอสักครู่
หากเรายิ่งรู้ศัพท์ ภาษาจีน เยอะมากเท่าไร ก็ยิ่งสามารถจะแต่งบทสนทนาได้มาก และยาวขึ้น จากบทสนทนา ภาษาจีนกลาง ด้านบนรูปประโยคเกือบทุกประโยคนั้นเรียงเหมือนภาษาไทยเป๊ะ มีเพียงแค่ประโยคเดียวที่ไม่เหมือน คือ 你们要喝什么饮料?เนื่องจาก 饮料 เป็นคำนาม ส่วน 什么 เป็นคำที่ทำหน้าที่ขยาย 饮料 ดังนั้นจึงต้องวางไว้ด้านหน้าของ 饮料 เพราะใน ภาษาจีนกลาง จะต่างกับภาษาไทยตรงที่ส่วนขยาย จะวางไว้ด้านหน้าส่วนที่ถูกขยายเสมอ (อันนี้ถือเป็นกฎเหล็กเลย) อาจจะงงๆ สับสนกันสักหน่อย แต่ใช้ไปเรื่อยๆ ก็จะเคยชินไปเอง
เมนูอาหารจานเด็ด
จากที่ได้ไปเรียนที่เมืองหางโจว ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่สวยงามมาก ใครได้ไปคงหลงเสน่ห์ และอยากกลับไปอีก เมนูอาหารของแต่ละที่ในจีน ก็อาจมีความแตกต่างกันไป เพราะเมืองจีนนั้นมีสภาพภูมิประเทศและอากาศที่แตกต่างกัน แต่ก็ขอยกตัวอย่างเมนูอาหารที่กินเป็นประจำ และยังคงคิดถึงอยู่ก็แล้วกัน
糖醋里脊(tángcùlǐji) เป็นหมูนำมาชุบแป้งทอดแล้วคลุกเคล้ากับน้ำซอสมีรสเปรี้ยวหวาน
蛋黄南瓜(dànhuángnánguā) ฟักทองผัดไข่เค็ม
日本豆腐(rìběndòufǔ) เหมือนกับเต้าหู้หลอดบ้านเรานำไปทอดแล้วราดซอส
炒饭(chǎofàn) ข้าวผัด
จริงๆ แล้วเมนูมีเยอะมาก แต่พอห่าง ภาษาจีน ไปนานก็เลยไม่ได้สั่งทำให้ลืมเลย ถ้านึกออกจะนำมาบอกต่อนะจ๊ะ อาหารแต่ละอย่างถ้านำมาแปลตรงตัวตามศัพท์คงตลกพิลึก ดังนั้นขอแนะนำว่าถ้ามีโอกาสต้องลองสั่งดูแล้วเห็นของจริงเลยถึงจะรู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง ถ้าให้บอกอย่างนี้คงนึกกันไม่ออกหรอก ต้องค่อยๆ ศึกษาจากสถานการณ์จริงถึงจะจำได้ สั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า เห็นบ่อยๆ เดี๋ยวก็จำได้เอง
กินอิ่มกันหรือยัง 吃饱了吗?(chībǎolema) ถ้าอิ่มแล้วก็ไปช็อปปิ้งกันในบทต่อไปเลยดีกว่า
รู้จักคนรอบตัว
เห็นศัพท์ ภาษาจีนกลาง อย่างนี้แล้วก็อย่าเพิ่งเบื่อไปเลย อดทนเค้าไว้เพื่อชัยชนะในวันหน้า
爸爸(bàba) = พ่อ
妈妈(māmā) = แม่
哥哥(gēgē) = พี่ชาย
姐姐(jiějiě) = พี่สาว
弟弟(dìdì) = น้องชาย
妹妹(mèimèi) = น้องสาว
爱人(àirén) = สามี/ภรรยา
他(tā) = เขา (ผู้ชาย)
她(tā) = เธอ , หล่อน
他们(tāmen) = พวกเขา , พวกท่าน
呢(ne) = ล่ะ
都(dōu) = ทั้งหมด , ทั้งสิ้น , ล้วน
忙(máng) = ยุ่ง , งานยุ่ง
累(lèi) = เหนื่อย
หลังจากเรียนรู้คำศัพท์ ภาษาจีนกลาง กันไปแล้ว ต่อไปก็มาดูบทสนทนากันบ้าง
บทสนทนา ภาษาจีนกลาง
A : 你好吗(nǐhǎoma)? A : คุณสบายดีไหม
B : 我很好(wǒhěnhǎo)。你呢(nǐne)? B : ฉันสบายดี คุณล่ะ
A : 我也很好(wǒyěhěnhǎo)。 A : ฉันก็สบายดีเหมือนกัน
B : 你爸爸(nǐbàba)、妈妈都好吗?(māmādōuhǎoma) B : พ่อแม่ของคุณทั้งหมดสบายดีไหม
A : 他们也都很好(tāmenyědōuhěnhǎo)。 A : พวกท่านก็สบายดีเหมือนกัน
A : 你忙吗(nǐmángma)? A : คุณยุ่งไหม
B : 我很忙(wǒhěnmáng)。/我不忙(wǒbúmáng)。 B : ฉันยุ่งมาก / ฉันไม่ยุ่ง
A : 你累吗(nǐlèima)? A : คุณเหนื่อยไหม
B : 我很累(wǒhěnlèi)。/我不累(wǒbúlèi)。 B : ฉันเหนื่อยมาก / ฉันไม่เหนื่อย
วิธีการใช้ 也(yě) กับ 都(dōu)
ใช้ได้เฉพาะข้างหลังบทประธาน และข้างหน้าของคำกริยา หรือคำคุณศัพท์
เมื่อใช้ 也 กับ 都 ขยายคำกริยา หรือคำคุณศัพท์คำเดียวกัน ต้องวาง 也 ไว้ข้างหน้า 都
11/11/2008
เรียนรู้ศัพท์ภาษาจีนง่ายๆ
你(nǐ) = คุณ , 您(nín) = คุณ (คำนี้แปลเหมือนกัน แต่การใช้ต่างกันเล็กน้อย เพราะเป็นคำแสดงการให้เกียรติ หรือ ใช้กับผู้ที่อาวุโสกว่า)
我(wǒ) = ฉัน
你们(nǐmen) = พวกคุณ , พวกท่าน
我们(wǒmen) = พวกเรา
老师(lǎoshī) = อาจารย์
好(hǎo) = ดี
不(bú) = ไม่
客气(kèqi) = เกรงใจ
请(qǐng) = โปรด , เชิญ , ขอ , กรุณา
进(jìn) = เข้า
座(zuò) = นั่ง
听(tīng) = ฟัง
说(shuō) = พูด
读(dú) = อ่าน , เรียน
写(xiě) = เขียน
问(wèn) = ถาม
เห็นคำศัพท์ ภาษาจีนกลาง แบบนี้แล้วคงไม่ยากไปสำหรับการจดจำใช่มั้ยค่ะ คราวนี้ลองประสมคำจากคำศัพท์ ภาษาจีนกลาง ที่มีอยู่ด้านบน เราก็จะได้คำศัพท์อื่นๆ อีกหลายคำเลย
你好(nǐhǎo) = สวัสดี
你们好(nǐmenhǎo) = สวัสดีท่านทั้งหลาย
老师好(lǎoshīhǎo) = สวัสดีอาจารย์
不好(bùhǎo) = ไม่ดี
不客气(búkèqì) = ไม่ต้องเกรงใจ
请进(qǐngjìn) = เชิญเข้ามา
请坐(qǐngzuò) = เชิญนั่ง
请听(qǐngtīng) = โปรดฟัง , กรุณาฟัง
请说(qǐngshuō) = เชิญพูด
请读(qǐngdú) = เชิญอ่าน , กรุณาอ่าน
สำหรับผู้เริ่มเรียน ภาษาจีนกลาง เห็นคำศัพท์แล้วตาลายกันหรือป่าว แต่การเรียนไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาจีนกลาง หรือแม้กระทั่งภาษาไทยเราเองก็อย่างนี้แหละ การรู้คำศัพท์ยิ่งมาก ยิ่งเป็นพื้นฐานที่ดีที่จะเรียนรู้ประโยคต่างๆที่ยาวขึ้น ถ้าไงลองอ่านแล้วจำกันดู เวลาในการเรียนรู้ของแต่ละคนย่อมไม่เท่ากัน ถ้ายังไม่เหนื่อยเกินไปก็เรียนภาษาจีนกลาง กันต่อในหัวข้อถัดไปเลย แต่ถ้ารู้สึกเหนื่อยเกินไปก็พักกันสักนิดอย่าฝืนเพราะอาจทำให้รู้สึกยาก และไม่อยากเรียนต่อไป
คำทักทายใน ภาษาจีนกลาง
ส่วนใหญ่เค้าจะทักทายกันตามสถานการณ์กันมากกว่า เช่น จะถามว่า กินข้าวแล้วหรือยัง 吃饭了吗?吃(chī)饭(fàn)了(le)吗(ma) เมื่อเวลานั้นเป็นเวลาที่ใกล้กับเวลาอาหาร หรือเจอกันเมื่ออยู่ตามท้องถนน หรือเดินอยู่ ก็จะถามว่า คุณจะไปไหน 你要去哪儿?你(nǐ)要(yào)去(qù)哪儿(nǎr) ซึ่งเพื่อนคนจีนยังบอกอีกว่านี่เป็นเพียงการทักทายเท่านั้น เราไม่ต้องตอบจริงๆ ก็ได้
ต่อไปจะเป็นการถามถึงสารทุกข์สุขดิบ คือ 你好吗?你(nǐ)好(hǎo)吗(ma)=สบายดีมั้ย คำตอบอาจจะมีหลายแบบเช่นเดียวกับคนไทยเรานั่นเอง เช่น 我很好。我(wǒ)很(hěn)好(hǎo)=ฉันสบายดี หรืออาจตอบ 马马虎虎。马(mǎ)马(mǎ)虎(hū)虎(hū)=ก็งั้นๆแหละ เมื่อเค้าถามเราแล้วโดยมารยาทเราก็ควรถามกลับว่า 你呢? 你(nǐ)呢(ne)=แล้วคุณล่ะ เค้าจะตอบกลับว่า 我也很好。我(wǒ)也(yě)很(hěn)好(hǎo)=ฉันก็สบายดีเหมือนกัน
คงไม่ยากไปนะคะ เรามาเรียนกันต่อเลยดีกว่า กับคำว่า ขอบคุณ 谢谢!(xièxiè), ไม่ต้องเกรงใจ 不客气!(búkèqi), ขอโทษ 对不起!(duìbuqǐ),ไม่เป็นไร 没关系(méiguānxi) และคำว่า ลาก่อน,แล้วพบกันใหม่ 再见!(zàijiàn)
จริงๆ แล้วภาษาไทยกับภาษาจีนกลาง นั้นมีความใกล้เคียงกันมาก เช่น 你好(nǐhǎo)=สวัสดี แต่พอเติม 吗(ma) เข้าไปก็จะเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม 吗=ไหม พอรวมเข้ากับ 你好 จะได้ประโยคว่า 你好吗?(nǐhǎoma)= สบายดีไหม 吃(chī)=กิน , 饭(fàn)=ข้าว , 了(le)=แล้ว ,吗(ma)=หรือยัง/ไหม พอรวมเข้าเป็นประโยค 吃饭了吗?กินข้าวแล้วหรือยังจะเห็นได้ว่าในประโยคนี้จะเรียงเหมือนกับประโยคในภาษาไทย
หรืออีกประโยค 你(nǐ)=คุณ , 要(yào)=จะ , 去(qù)=ไป, 哪儿(nǎr)=ไหน (สถานที่) จะได้ 你要去哪儿?=คุณจะไปไหน
ส่วนในเรื่องของไวยากรณ์ฟังแล้วอาจเป็นสิ่งที่น่าเบื่อแต่ก็ควรรู้ไว้ ในบทนี้จะเป็นไวยากรณ์ ภาษาจีน แบบง่ายๆ จำไว้ซักนิดคงไม่เสียหายอะไร
1.吗(ma) ใช้เติมด้านหลังของประโยคบอกเล่า เพื่อเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม
2.很(hěn) ถ้าคำเดียวโดดๆ แปลว่า มาก แต่สำหรับไวยากรณ์แล้วจะนำไปไว้หน้าคำคุณศัพท์ เพื่อทำให้ประโยคมีความสมบูรณ์
3.也(yě) แปลว่า ก็...เหมือนกัน จะวางไว้ด้านหลังประธาน แต่ต้องวางไว้หน้าคำกริยา หรือคำคุณศัพท์
บทสนทนา ภาษาจีนกลาง(ถามอย่างนี้จะตอบยังไง)
A : 你好! (nǐhǎo)
B : 你好! (nǐhǎo)
A : 你好吗? (nǐhǎoma)
B : 我很好(wǒhěnhǎo),你呢? (nǐne)
A : 我也很好。(wǒyěhěnhǎo)
A : 谢谢! (xièxiè)
B : 不客气! (búkèqì)
A : 对不起! (duìbuqǐ)
B : 没关系! (méiguānxi)
A : 再见! (zàijiàn)
B : 再见! (zàijiàn)
คำทิ้งท้าย กำลังใจสำหรับคนเรียน ภาษาจีนกลาง
ทุกเรื่องเริ่มแรกล้วนยากเสมอ หรือ ในสำนวน ภาษาจีนกลาง พูดว่า 万事开头难 万(wàn)事(shì)开(kāi)头(tóu)难(nán) ดังนั้นการเริ่มต้นอะไรซักอย่าง บางครั้งอาจทำให้เราท้อจนไม่อยากจะทำต่อไป แต่ขอให้เรามุ่งมั่นและลองทำต่อไปจนชอบ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น การเรียน ภาษาจีนกลาง ก็เช่นกัน ต้องเรียนจนเราชอบถึงจะได้ผล ความสามารถของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ทำให้ทักษะแต่ละด้าน (ฟัง,พูด,อ่าน,เขียน)ไม่เท่ากัน อย่าเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะจะทำให้เราหมดกำลังใจและเลิกเรียนไป จงก้าวไปอย่างช้าๆ ตามเส้นทางที่เราถนัดจะดีกว่า
ภาษาจีน 168 ชั่วโมง
บล็อกนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้เริ่มเรียน ภาษาจีนกลาง ทุกคน เริ่มแรกอาจจะยากซักหน่อยจนบางคน อาจท้อและหยุดเรียนไป แต่ขอให้เราขยันตั้งใจเรียน เราเชื่อว่า ภายใน 168 ชั่วโมง ทุกคนต้องสามารถพูด ภาษาจีนกลาง ได้อย่างแน่นอน สำหรับคนที่ท้อก็อย่าเพิ่งถอย ลองกลับมาตั้งใจดูกันอีกสักครั้งนึง
168 ชั่วโมง คงไม่มากเกินไป ลองคิดกันดูเล่นๆ 168 ชม. คิดเป็นหนึ่งสัปดาห์ แต่คงไม่มีใครทุ่มเทให้กับการเรียน ภาษาจีน โดยอ่านตลอดสัปดาห์แบบไม่พัก แต่ถ้าคิดเป็นปีแล้ว เราก็แค่สละ เวลา วันละประมาณ 1 ชม. แบบวันเว้นวัน เพื่อแลกกับคำศัพท์ที่เราจะได้ประมาณ 1000 กว่าคำ ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะนอกจากจะได้คำศัพท์แล้ว เรายังได้เรียนรู้ ภาษาจีนกลาง เพื่อไว้ใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย
จุดเริ่มต้นของการเรียน ภาษาจีนกลาง ของเราก็คือ หลังจบปริญญาตรีแล้ว จริงๆแล้วน่าจะได้เรียนมาตั้งนานแล้ว แต่มัวแต่คิดโน่นคิดนี่ ประมาณว่าคิดมากเกินเหตุจนไม่ได้เรียน เพราะเริ่มคิดที่จะเรียนมาตั้งแต่ตอนจบม.6 ก็เพราะตอนนั้นมีโอกาสได้ไปเที่ยวปักกิ่งแบบไม่รู้ ภาษาจีนกลาง สักคำเลย ไปไหนมาไหนก็ต้องพึ่งไกด์ตลอดเวลา หวังว่ากลับมาจะมาลงคอร์สเรียนดู ก็สอบถามที่เรียนอะไรเรียบร้อยแล้วล่ะ แต่เห็นถึงความยากทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เรียนเลยก็เลยถอดใจ...แบบว่าไม่เรียนดีกว่า อันนี้อย่าเอาเป็นตัวอย่างเลย...ไม่ดี ถ้าเกิดคิดอยากทำอะไรสักอย่างก็อย่าคิดมากนักเลย ยิ่งถ้าสิ่งที่จะทำนั้นจะมีประโยชน์กับเราต่อไปในอนาคต
เมื่อมีโอกาสได้สัมผัสกับ ภาษาจีนกลาง ครั้งแรกมันก็เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด ยากอะไรอย่างนี้ ต้องอ่าน ต้องเขียน ต้องท่องจำ คัดศัพท์ทุกวันจนมือหงิก แต่พอเรียนไปได้สักพักก็เริ่มชินกับคำศัพท์เก่าๆ ความยากก็เริ่มลดลง แต่ความยากยิ่งกว่าก็เริ่มเข้ามาแทนที่ เพราะมีคำศัพท์ใหม่ๆ เข้ามารบกวนสมองอยู่ตลอดเวลา ทำให้คิดที่จะเลิกเรียน ภาษาจีนกลาง ไปหลายต่อหลายครั้ง และก็เคยหยุดเรียนไปจริงๆ ด้วยประมาณสามปีได้ กลับมาต้องรื้อฟื้นกันยกใหญ่ รื้อยังไงก็คงไม่เหมือนเดิมอยู่ดี เพราะอะไรที่ห่างไปนานๆ ความขี้เกียจก็ย่อมเข้ามาเยือนอย่างไม่ได้รับเชิญ ไหนเลยจะกระตือรือร้น หรือขยันเหมือนตอนแรกเริ่มได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องรื้อฟื้นกันต่อไปจนกว่าความทรงจำในวันวาน (ภาษาจีนกลาง)จะกลับมาได้อย่างสมบูรณ์เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์