11/23/2008

ถึงเวลาไปเรียนกันแล้ว

ขอพักเรื่องเที่ยวไว้ก่อน แล้วกลับมาเรียน ภาษาจีนกลาง กันต่อดีกว่า ไม่พูดพร่ำทำเพลงขอเริ่มที่คำศัพท์ก่อนเลยล่ะกัน

幼儿园(yòuéryuán) โรงเรียนอนุบาล
学校(xuéxiào) โรงเรียน

学院(xuéyuàn) สถาบัน , วิทยาลัย
大学(dàxué) มหาวิทยาลัย
毕业(bìyè) จบการศึกษา
教室(jiàoshì) ห้องเรียน
教学楼(jiàoxuélóu) ตึกเรียน , อาคารเรียน
图书馆(túshūguǎn) ห้องสมุด
楼(lóu) ตึก , อาคาร , ชั้น
书店(shūdiàn) ร้านขายหนังสือ
在(zài) ที่ , อยู่ , กำลัง
就(jiù) ก็
那儿(nàr) ที่นั่น
问一下(wènyíxià) ถามหน่อยค่ะ

บทสนทนา ภาษาจีนกลาง

•A : 问一下,图书馆在哪儿? (书店 / 教室 / 教学楼 / 幼儿园)
B : 就在那儿。
A : 谢谢。

บทสนทนาอาจจะสั้นไปสักหน่อยก็ต้องขอโทษด้วย เพราะเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง เลยไม่รู้ว่าจะแต่งอะไร ใครคิดอะไรออกจะแต่งมากกว่านี้ก็ได้...อันนี้เราก็ไม่ว่ากัน ใครพูดเก่งแต่งได้มาก ก็ถือเป็นผลดีจะเป็นการทำให้พัฒนาภาษาได้เร็วกว่า ส่วนคนที่พูดไม่เก่ง พูดน้อย หรือคิดไม่ออกว่าจะพูดจะแต่งอะไร ก็ไม่เป็นไร ค่อยๆ เรียนไปดีกว่า เดี๋ยวจะคอยเป็นกำลังใจให้

11/22/2008

ไปเที่ยวกันดีกว่า

ขอนอกเรื่องซักหน่อยนะ เพราะกลัวจะเบื่อกัน ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวลองมารู้จักเมืองจีนกันก่อนดีกว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่าจีนนั้นแบ่งเขตการปกครองส่วนกลางออกเป็น 23 มณฑล (รวมไต้หวัน), 5 เขตปกครองตนเอง, 4 มหานครใหญ่ที่ขึ้นตรงต่อส่วนกลาง และ 2 เขตบริหารพิเศษ หากไม่ดูเป็นการรบกวนสมองเกินไป ก็มาดูว่ามีอะไรกันบ้าง

•23 มณฑลได้แก่ 黑龙江(hēilóngjiāng)เฮยหลงเจียง, 吉林(jílín)จี๋หลิน, 辽宁(liáoníng)เหลียวหนิง, 河北(héběi)เหอเป่ย ,山西(shānxī)ซานซี ,山东(shāndōng)ซานตง ,江苏(jiāngsū) เจียงซู , 安徽 (ānhuī) อันฮุย , 浙江 (zhèjiāng) เจ้อเจียง , 江西 (jiāngxī) เจียงซี , 福建 (fújiàn) ฝูเจี้ยน หรือ ฮกเกี้ยน , 台湾 (táiwān)ไถวัน หรือ ไต้หวัน , 河南(hénán) เหอหนัน , 湖北 (húběi) หูเป่ย , 湖南(húnán) หูหนัน , 贵州 (guìzhōu) กุ้ยโจว , 广东 (guǎngdōng) กว่างตง หรือ กวางตุ้ง , 海南 (hǎinán) ไห่หนัน , 甘肃 (gānsù) กานซู่ , 陕西 (shǎnxī) ส่านซี , 四川 (sìchuān) ซื่อชวน หรือ เสฉวน , 青海 (qīnghǎi) ชิงไห่ , 云南 (yúnnán) หยุนหนัน หรือ ยูนนาน

•5 เขตปกครองตนเอง ได้แก่ 内蒙古(nèiměnggǔ) เน่ยเหมิงกู่ หรือ มองโกเลียใน, 宁夏(níngxià) หนิงเซี่ย , 新疆 (xīnjiāng) ซินเจียง , 西藏(xīzàng) ซีจ้าง หรือ ทิเบต , 广西(guǎngxī) กว่างซี หรือ กวางสี •4 มหานคร ได้แก่ 北京(běijīng)เป่ยจิง หรือ ปักกิ่ง , 上海(shànghǎi) ซ่างไห่ หรือ เซี่ยงไฮ้ , 天津(tiānjīn) เทียนจิน หรือ เทียนสิน , 重庆(chóngqìng) ฉงชิ่ง


•2 เขตบริหารพิเศษ ได้แก่ 香港(xiānggǎng) เซียงกั่ง หรือ ฮ่องกง , 澳门(àomén) เอ้าเหมิน หรือ มาเก๊า


เห็นอย่างนี้แล้วก็คงไม่ต้องบอกว่าเมืองจีนนั้นกว้างใหญ่แค่ไหน เลยเลือกไม่ถูกเลยว่าจะไปไหนก่อนดี แต่ไม่ว่าไปที่ไหนถ้าจะให้เพิ่มความสนุกยิ่งขึ้น ก็ต้องพูด ภาษาจีนกลาง ให้ได้ก่อน แล้วมันจะมีความหมายมากขึ้นสำหรับการเดินทาง...จริงๆ นะ


ครั้งแรกเลยที่ได้สัมผัสแผ่นดินจีน (ไม่รวมฮ่องกง กับ มาเก๊า) ก็ไปที่ปักกิ่งอ่ะ ตอนนั้นพูด ภาษาจีนกลาง ไม่ได้เลย จะไปไหนทำอะไรก็ต้องอาศัยไกด์ หรือไม่ก็ภาษาที่ทุกคนรู้จักกันดี...ก็ภาษาใบ้ไงล่ะ ตอนนั้นก็คิดนะว่าทำไมไม่ยอมเรียน ภาษาจีนกลาง ก็เลยคิดว่าพอกลับมาเมืองไทยแล้วจะไปสมัครเรียน


กลับมาก็ไปถามคอร์สเรียนอะไรเสร็จสรรพแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงเรียน เพราะเห็นตัวหนังสือแล้วก็คิดว่าเราคงเรียนไม่ได้หรอก กลัวไปไม่รอด แค่มองก็รู้ว่ายาก เลยไม่ได้ลงเรียน ตอนนั้นเพิ่งจบ ม. 6 ด้วยก็เลยยังไม่ได้คิดอะไรมาก กว่าจะได้เริ่มเรียน ภาษาจีนกลาง เป็นครั้งแรก ก็อีกสี่ปีให้หลัง คือตอนที่จบมหาลัยแล้ว


ในห้องเรียนนี่เราอายุเยอะสุดเลยหรือนี่ ทำไมเราเพิ่งคิดได้นะ แต่ไม่เป็นไรเพราะไม่มีใครแก่เกินเรียน เรียนไปได้ประมาณปีนึงก็เริ่มเบื่อ เพราะเรียนแค่อาทิตย์ละครั้งเอง มันช่างช้าเหลือเกิน เลยให้ป๊าส่งไปเรียนที่กวางเจา (อยู่ในมณฑลกวางตุ้ง) ที่นี่ก็ดีนะหน้าหนาวอากาศไม่หนาวมาก แต่เสียตรงที่ว่าหน้าฝนนี่สิฝนตกหนักมากๆ และหน้าร้อนก็ร้อนซะ กลับมาตัวดำปี๊เลย อาหารการกินก็ดี หรือว่าเราเป็นคนกินง่าย(ตะกระ)ก็ไม่รู้ แต่ก็ต้องระวังหน่อยเพราะอาหารมีแต่มันๆ ตอนกลับน้ำหนักนี่เพิ่มขึ้นไปหกโล กว่าจะลดได้ก็นานเลย ยังไงก็ระวังเรื่องอาหารการกินไว้บ้างก็ดี


ที่เลือกเรียนที่กวางเจาก็เพราะถูกกว่าที่ปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้อ่ะ แถมยังใกล้เซินเจิ้น กับฮ่องกงอีกด้วย จะได้หนีเที่ยวสะดวก...เฮ้ยไม่ช่ายอย่างนั้น จากกวางเจานั่งรถไฟไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงเซินเจิ้นแล้ว การเดินทางสะดวกสบาย แต่ใครที่คิดจะไปเรียนที่นี่ก็ต้องระวังเรื่องขโมยหน่อยนะ เพราะกวางเจาเป็นเมืองใหญ่มีคนเข้ามาหางานทำเยอะ พวกหางานไม่ได้หรือไม่มีอะไรทำก็ลักเล็กขโมยน้อยแหละ เพราะเพื่อนก็เคยโดนเหมือนกัน


หลังจากเรียนที่กวางเจาได้เทอมนึงก็กลับมา รู้สึกว่า ภาษาจีน ไม่ค่อยกระเตื้องขึ้นยังไงบอกไม่ถูก หรือเราแค่คิดไปเอง อุตส่าห์เลือกเมืองที่มีคนไทยน้อยแล้วแต่ไปก็กลับเจอเป็นสิบ แล้วยังชอบใช้นิสัยคนไทยที่พอรวมกลุ่มกันทีไรก็ใช้ภาษาแม่ทุกที แบบประมาณว่ากลัวลืมภาษาบ้านเกิด สุดท้ายก็คิดว่าไม่ได้อะไรจนเลิกเรียนไป แต่ก็ยังมีโอกาสได้ไปเมืองจีนอยู่อีกหลายครั้ง


ตามมาเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าได้ไปที่ไหนมาบ้าง ก็หลังจากกลับมาประมาณกลางปี พอปลายปีก็ได้ไปเมืองต้าลี่ กับลี่เจียง (มณฑลหยุนหนัน) เป็นเมืองที่สวยมาก โดยเฉพาะลี่เจียง เป็นเมืองโบราณที่ดูยังรักษาขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมไว้เป็นอย่างดี เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของคนสมัยก่อนเลย คิดแล้วยังอยากไปอีกสักครั้งเลย


ต่อจากนั้นก็ได้กลับไปกวางเจาอีกครั้ง คราวนี้ไปงานแฟร์อ่ะ คนเยอะมากๆ มาจากทั่วทุกสารทิศเลย ใครจะไปงานนี้ก็ต้องเตรียมทำนามบัตรเอาไว้นะ จะได้ไปแลกแคตาล็อกต่างๆ เอาเก็บไว้เป็นข้อมูลเพื่อจะได้เป็นแนวทางในการทำธุรกิจว่าเราสนใจอะไร ตอนที่ไปก็ไม่คิดว่าจะทำอะไร ลองไปดูเห็นเค้าบอกกันว่าเป็นงานใหญ่ระดับโลก พอไปก็ใหญ่จริงๆ เดินจนขาลากเลย แต่เราก็ไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่เก็บแคตาล็อกกลับมา ใครจะไปก็เตรียมกระเป๋าไปใสแคตาล็อกแล้วลากก็ได้นะ เพราะเยอะแล้วก็หนักมากๆ


หลังจากงานแฟร์ รุ่งขึ้นก็แวะที่เซินเจิ้นกับฮ่องกงด้วย สำหรับคนที่ชอบช็อปปิ้งก็เหมาะมากๆ แต่อย่าลืมพกเงินติดกระเป๋าไปเยอะๆ นะ เดี๋ยวจะช็อปไม่พอ


กลับจากทริปนี้แล้ว กลางปีก็ไปเที่ยวที่เฉินตู (มณฑลเสฉวน) กับทิเบต ที่เฉินตูหากใครได้ไปก็ต้องไม่พลาดการแสดงเปลี่ยนหน้ากากที่เลื่องชื่อ เค้าเปลี่ยนได้เร็วแบบจับผิดไม่ได้เลยอะ หรือใครจับได้ก็ช่วยบอกทีนะว่าเค้าทำกันยังไง จากเฉินตูต้องนั่งเครื่องไปลงที่ทิเบต เพราะจากไทยไปไม่มีบินตรงไปถึงทิเบต


ก่อนการเดินทางไกด์จะให้ทุกคนกินยา เรียกว่า หงจิ่งเย่า อะไปประมาณนี้ แหล่ะไม่รู้จำผิดป่าว เป็นยาที่ช่วยปรับระดับหรือความดันก่อนที่จะเดินทางไปที่ทิเบตอะ แต่ดันลืมให้เรากับแม่กิน พอไปถึงก็ยังดีๆอยู่นะ แต่พอผ่านไปสักระยะก็เริ่มไม่ไหวแล้ว ทรมานสุดๆ เค้าเรียกกันว่าโรคที่ราบสูงอะ อาการก็คลื่นไส้ อาเจียน แบบจะเป็นจะตายเลย จนแบบว่าเรามาทำอะไรที่นี่ อยู่บ้านดีกว่ามั้ยอ่ะ ทิเบตอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก ก็เลยเกิดอาการแบบนี้จนบางครั้งต้องใช้ถังออกซิเจนช่วย เพราะอากาศเบาบางมากเลย ออกซิเจนน้อย ที่นั่นเค้าจะมีขายถังออกซิเจน หรือไม่ก็หมอนที่บรรจุออกซิเจน พอได้ออกซิเจนช่วยอาการก็ดีขึ้น วันต่อมาก็เที่ยวได้ตามปกติแล้ว ยังดีนะนี่ที่ไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้ ไม่งั้นก็เท่ากับว่าเสียเงินไปแต่กลับไม่ได้เที่ยว


เรื่องเที่ยวยังไม่หมดแค่นี้ เพราะหลังจากที่เลิกเรียน ภาษาจีนกลาง ไปแล้วสามปี ก็มีโอกาสได้กลับไปเรียนที่จีนอีกครั้ง ป๊าก็แสนดี ลูกอยากไปเรียนที่ไหนก็ตามใจ เราก็เลยจัดการหาที่เรียนเอง คราวนี้ก็ไปเองติดต่ออะไรเองหมด ก็ดูอยู่นานเหมือนกันว่าจะไปเมืองไหนดี สุดท้ายก็เลือกที่หางโจว (มณฑลเจ้อเจียง) เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยงาม และค่าครองชีพก็ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับเซี่ยงไฮ้


ทีแรกก็คิดจะไปเซี่ยงไฮ้เหมือนกันนะ เพราะสนใจด้านธุรกิจ และเซี่ยงไฮ้ก็เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเศรษกิจดี แต่คิดไปคิดมาเราไปเรียนภาษา เรียนที่ไหนก็เหมือนกันและก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เลือกเรียนที่ถูกแล้วเก็บเงินไว้เที่ยวดีกว่า หางโจวเป็นเมืองที่น่าอยู่ อากาศดี แล้วมลพิษก็น้อยกว่าเซี่ยงไฮ้ด้วย คนก็ดูมีน้ำใจมากกว่าหลายๆ เมืองที่เคยสัมผัสมา


แม้จะเลือกเรียนที่หางโจว แต่ก็แอบไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้อยู่เหมือนกัน เพราะนั่งรถไฟไปแค่ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้ว คิดแล้วก็นึกถึงเมืองไทยนะว่าเมื่อไหร่ การคมนาคมของบ้านเราจะสะดวกเหมือนเมืองจีนบ้าง ไปไหนมาไหนจะได้ไม่ต้องเปลืองเวลา


ต่อจากเซี่ยงไฮ้ ก็ไปกันที่อี้อูดีกว่า ไปดูว่าเมืองนี้เค้ามีอะไร เป็นอีกเมืองที่เหล่าบรรดาพ่อค้า แม่ค้าในเมืองไทยนำสินค้าจากเมืองนี้มาขาย ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายของกิ๊ปช็อปอยู่บนตึกใหญ่ ภายในตึกก็จะมีป้ายภาษาไทยประกาศเกี่ยวกับบริษัทที่รับขนส่งสินค้าไปเมืองไทย ใครมีโอกาสได้แวะไปก็ต้องไปกันแต่เช้า หรือไม่ก็ไปค้างคืนแล้วเดินต่อกันวันรุ่งขึ้นก็ได้ เพราะตึกนี้ห้าโมงเย็นเค้าก็ปิดกันแล้ว พอแค่นี้ก่อนนะ ถ้านึกอะไรออก หรือมีที่เที่ยวที่ใหม่ๆ จะเอามาฝาก

พักสักหน่อย

休息一下(xiūxīyíxià) พักสักหน่อย เรียนมาถึงตรงนี้แล้วคงจะเหนื่อยกันไม่ใช่เล่น งั้นพักกันสักหน่อย แล้วค่อยเดินทางต่อดีกว่า จริงๆ แล้วไม่ใช่อะไรหรอก เพราะยังนึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไรต่อไป การถ่ายทอด ภาษาจีนกลาง ให้คนอื่นได้รับรู้นี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะเนี่ย

คิดอย่างนี้แล้วก็นึกถึงเหล่าซือเลย ต้องคอยหากลเม็ดมาสอน เพื่อไม่ให้ผู้เรียนเกิดความเครียด แล้วเราจะทำไงต่อดีเนี่ย สอนก็ไม่เคยสอน แต่ดันมาทำบล็อก ภาษาจีนกลาง ซะงั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำให้ผู้ที่แวะเวียนเข้ามา เข้าใจได้มากน้อยเพียงใด แต่ยังไงก็ขอทำต่อไปละกัน เพื่อประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ...เกี่ยวอะไรกันมั้ยเนี่ย

เราอยากให้ทุกคนเรียน ภาษาจีน ด้วยใจรัก เพราะครั้งหนึ่ง เราก็เป็นคนนึงที่รู้สึกท้อแล้วก็ไม่อยากเรียน แต่คิดว่าถ้าท้อแล้วถอย โดยไม่ยอมทุ่มเทให้กับมัน เราก็จะหยุดอยู่กับที่ ไม่มีทางที่จะรู้ศัพท์เพิ่มขึ้นได้เลย พักหลังเลยตั้งใจที่จะหาอะไรที่เป็นจีนๆ มาอ่านบ้าง อย่างน้อยจะได้ถือเป็นการทบทวนไปในตัว เพราะนี่ก็ห่างไปนานจนลืมไปก็เยอะ คิดแล้วเสียดายเงินป๊า ม้า ที่ส่งเสียให้เรียน จริงๆๆๆๆ

11/21/2008

เวลา ใน ภาษาจีน

เวลาก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญมาก เพราะถ้าไม่รู้จักเวลาแล้วผิดนัดกันขึ้นมาจะยุงนะ...ขอเตือนไว้ก่อน รู้อย่างนี้แล้วก็มาเรียนเรื่องเวลากันเลยดีกว่า เพื่อเป็นการไม่ให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

秒(miǎo) = วินาที
分(fēn) = นาที
小时(xiǎoshí) = ชั่วโมง
现在(xiànzài) = ตอนนี้ , ขณะนี้
几(jǐ) = กี่
差(chà) = ขาด
半(bàn) = ครึ่ง
点(diǎn) = โมง , นาฬิกา
刻(kè) = 15 นาที
早上(zǎoshang) = ตอนเช้า
中午(zhōngwǔ) = ตอนเที่ยง , ตอนกลางวัน
下午(xiàwǔ) = ตอนบ่าย
晚上(wǎnshang) = ตอนเย็น
夜(yè) = กลางคืน
午夜(wǔyè) = เที่ยงคืน
大前天(dàqiántiān) = 3 วันก่อน
前天(qiántiān) = เมื่อวานซืน
昨天(zuótiān) = เมื่อวานนี้
今天(jīntiān) = วันนี้
明天(míngtiān) = พรุ่งนี้
后天(hòutiān) = มะรืนนี้
大后天(dàhòutiān) = 3 วันข้างหน้า

ต่อเนื่องจากบทที่แล้ว ลืมบอกไปว่าการนับวันเวลาใน ภาษาจีนกลาง ต้องเรียงจากหน่วยที่ใหญ่กว่าไปหาหน่วยที่เล็กกว่า คือจะเรียงเป็น ปี-เดือน-วัน เช่น วันนี้วันที่ 20 พฤศจิกายน 2008 ก็จะได้ว่า 2008年11月20日 พอเข้าใจกันบ้างหรือเปล่า ถ้าเข้าใจกันแล้วก็มาถามตอบเรื่องเวลากันดีกว่า

บทสนทนา ภาษาจีนกลาง

• 现在几点?
现在早上八点一刻。 (差一刻十点 / 十一点二十分 / 下午三点半)
• ตอนนี้กี่โมง
ตอนนี้ 8โมง 15นาที (ขาด 15 นาที 10 โมง / 11โมง 20 นาที / บ่ายสามโมงครึ่ง)

การบอกเวลาควรมีช่วงเวลากำกับว่า เป็นช่วงเช้า บ่าย หรือเย็น เพื่อจะได้ไม่เป็นการสับสน

วัน-เดือน-ปี

การนับวันเดือนปีของจีนนั้นง่ายกว่าของไทย เพราะจำแค่ตัวเลขแล้วก็ไล่ไปเรื่อยๆ

星期一(xīngqīyī) = วันจันทร์
星期二(xīngqīèr) = วันอังคาร

星期三(xīngqīsān) = วันพุธ
星期四(xīngqīsì) = วันพฤหัสบดี
星期五(xīngqīwǔ) = วันศุกร์
星期六(xīngqīliù) = วันเสาร์
星期天(xīngqītiān) / 星期日(xīngqīrì) = วันอาทิตย์
号(hào) = วันที่ , หมายเลข
ส่วนการนับวันที่ก็เริ่มจาก 一号(yīhào) = วันที่หนึ่ง ไล่ไปจนถึง 三十一号(sānshíyīhào) = วันที่สามสิบเอ็ด
日(rì) = วันที่ (ภาษาเขียน)
月(yuè) = เดือน
年(nián) = ปี
一月(yīyuè) = เดือนมกราคม
二月(èryuè) = เดือนกุมภาพันธ์
三月(sānyuè) = เดือนมีนาคม
四月(sìyuè) = เดือนเมษายน
五月(wǔyuè) = เดือนพฤษภาคม
六月(liùyuè) = เดือนมิถุนายน
七月(qīyuè) = เดือนกรกฎาคม
八月(bāyuè) = เดือนสิงหาคม
九月(jiǔyuè) = เดือนกันยายน
十月(shíyuè) = เดือนตุลาคม
十一月(shíyīyuè) = เดือนพฤศจิกายน
十二月(shíèryuè) = เดือนธันวาคม
一九九八年(yījiǔjiǔbānián) = ปี 1998
二零零八年(èrlínglíngbānián) = ปี 2008 การอ่านปีของจีนนั้นต้องอ่านตัวเลขทีละตัว

แนะนำตัว (ภาคต่อ)

ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟังชื่อเรื่องก็คงรู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าบทนี้ก็ต่อเนื่องมาจากบทที่แล้ว เพราะกลัวว่าทุกท่านจะสะอิดสะเอียนกับบรรดาคำศัพท์ ภาษาจีน กันซะก่อน ก็เลยขอยกมากล่าวในบทนี้

认识(rènshi) = รู้จัก
高兴(gāoxìng) = ดีใจ

学习(xuéxí) = เรียน , การเรียน
汉语(hànyǔ) = ภาษาจีน
班(bān) = ชั้นเรียน , ชั้น , ห้อง
的(de) = ของ , แห่ง
学生(xuéshēng) = นักเรียน , นักศึกษา
留学生(liúxuéshēng) = นักเรียนต่างชาติ , นักศึกษาต่างประเทศ
朋友(péngyǒu) = เพื่อน
这(zhè) = นี่ , นี้
那(nà) = นั่น , นั้น , โน่น , โน้น
同学(tóngxué) = เพื่อนร่วมชั้นเรียน , เพื่อนนักเรียน , เพื่อนนักศีกษา
约翰(yuēhàn) = ทอม (ชื่อคน)
宋猜(sòngcāi) = สมชาย (ชื่อคน)

บทนี้จะของแต่งเป็นแบบเรียงความ และไม่มีพินอินกำกับจะได้หัดอ่าน ภาษาจีน กัน

你们好,我是泰国的留学生,来中国学习汉语,这是我的同学约翰(yuēhàn),他是美国人,那是宋猜(sòngcāi),他也是泰国人,我们班有美国人、英国人、法国人、德国人、日本人、韩国人和泰国人。

คำแปล

สวัสดีทุกท่าน ฉันคือนักเรียนต่างชาติของประเทศไทย มาประเทศจีนเรียน ภาษาจีน นี่คือเพื่อนร่วมชั้นของฉัน (ทอม) เขาเป็นชาวอเมริกา นั่นคือ สมชาย เขาก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ชั้นเรียนของพวกเรามีชาวอเมริกา ชาวอังกฤษ ชาวฝรั่งเศส ชาวเยอรมนี ชาวญี่ปุ่น ชาวเกาหลีใต้ และชาวไทย

แนะนำตัว

มัวแต่เมาส์เพลินจนลืมแนะนำตัวไปเลย แล้วอย่างนี้ใครจะไปรู้จักล่ะ...จริงมั้ย

叫(jiào) = เรียก
称呼(chēnghu) = เรียก
名字(míngzì) = ชื่อ
姓(xìng) = แซ่ , สกุล

免(miǎn) = ไม่มี
贵(guì) = ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าแพง แต่เป็นคำที่แสดงความให้เกียรติ
来(lái) = มา
介绍(jièshào) = แนะนำ
哪儿(nǎr) = ไหน
国(guó) = ประเทศ
人(rén) = คน
泰国(tàiguó) = ประเทศไทย
中国(zhōngguó) = ประเทศจีน
日本(rìběn) = ประเทศญี่ปุ่น
韩国(hánguó) = ประเทศเกาหลีใต้
法国(fǎguó) = ประเทศฝรั่งเศส
英国(yīngguó) = ประเทศอังกฤษ
美国(měiguó) = ประเทศสหรัฐอเมริกา
德国(déguó) = ประเทศเยอรมนี
我来介绍一下(wǒ lái jièshào yíxià) ฉันมาแนะนำสักหน่อย / ฉันขอแนะนำสักหน่อย

• A : 你叫什么名字?(nǐjiàoshénmemíngzì) = คุณชื่ออะไร
B : 我叫小丽。(wǒjiàoxiǎolì) = ฉันชื่อเซี่ยวลี่
A : 你姓什么?(nǐxìngshénme) / 你贵姓?(nǐguìxìng)= คุณแซ่อะไร
B : 我姓林。(wǒxìnglín) = ฉันแซ่หลิน

ในที่นี่อาจจะไม่ได้แปลตรงตัว เพราะหากแปลทุกตัวตามคำศัพท์เลย ฟังดูคงแปลกๆ สำหรับผู้ที่เคยเรียนภาษาจีนกลาง มาคงจะคุ้นๆ กับประโยคเหล่านี้ดี แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีประโยคในรูปแบบอื่นที่สุภาพกว่านี้ คือ

• A : 你什么称呼?(nǐshénmechēnghu)
B : 我叫小丽。(wǒjiàoxiǎolì)
A : 你贵姓?(nǐguìxìng)
B : 我免贵姓林。(wǒmiǎnguìxìnglín)

การต่อรองราคา

เหนื่อยมั้ย...กับบทที่แล้ว แต่ยังไงก็ขอให้ทุกคนสู้ๆนะ จะเป็นกำลังใจให้ แด่ผู้ที่ชื่นชอบการช็อปปิ้ง และการต่อรองราคาเป็นชีวิตจิตใจ

便宜(piányi) = ถูก
贵(guì) = แพง
太(tài) = เกือบจะ , มาก (แต่น้อยกว่า 很)
一点儿(yìdiǎnr) = หน่อย , นิดหน่อย , เล็กน้อย
可以(kěyǐ) = ได้
打折(dǎzhé) = ลดราคา , ลดเปอร์เซนต์
讨价还价(tǎojiàhuánjià) = การต่อรองราคา
几(jǐ) = กี่
最(zuì) = สุด , ที่สุด
低(dī) = ต่ำ
价格(jiàgé) = ราคา
给(gěi) = ให้
特价(tèjià) = ราคาพิเศษ
是(shì) = คือ , ใช่

ก่อนจะไปที่บทสนทนา มีอะไรมาฝากนิดหน่อย ก็เกี่ยวกับเรื่องการซื้อของนี่แหละ จะสอนวิธีการดูป้ายสินค้า เมื่อเห็นป้ายที่เขียนแบบนี้ 8折 ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะลดราคา(เป็นเปอร์เซนต์) ให้ 80% แต่เค้าจะขายในราคา 80% หรือเท่ากับว่าเค้าลดราคาให้เราเพียง 20% ฉะนั้นคงรู้แล้วใช่มั้ยว่าหากตัวเลขยิ่งน้อยก็เท่ากับว่าเราจะซื้อของได้ในราคาถูก อย่างเช่น 3折 เราจะซื้อของได้ในราคา 30%

บทสนทนา ภาษาจีนกลาง
1.A : 便宜一点儿可以吗(piányiyìdiǎnerkěyǐma)?
B : 你要多少(nǐyàoduōshǎo)?
A : 你可以给我最低是多少(nǐkěyǐgěiwǒzuìdīshìduōshǎo)?
B : 五十块(wǔshíkuài)。
A : 太贵(tàiguì),我不要买了(wǒbúyàomǎile)。
B : 四十五块(sìshíwǔkuài)。
A : 三十块(sānshíkuài),可以吗(kěyǐma)?
B : 可以(kěyǐ)。

A : ถูกหน่อยได้ไหม
B : คุณต้องการเท่าไหร่
A : คุณให้ฉันได้ต่ำสุดคือเท่าไหร่
B : ห้าสิบเหรียญ
A : แพงไป ฉันไม่ต้องการซื้อแล้ว
B : สี่สิบห้าเหรียญ
A : สามสิบเหรียญ ได้ไหม
B : ได้

นี่เป็นเพียงแค่บทสนทนาที่แต่งขึ้นมาเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงการต่อรองราคานั้นไม่ได้ง่ายแบบนี้ เพราะพ่อค้า แม่ค้าคงไม่ใจดีรีบให้หรอก แต่มีเทคนิคอยู่ตรงที่ว่า เราอย่าแสดงออกว่าอยากได้สินค้านั้นจนเกินเหตุเมื่อเราต่อแล้วเค้าไม่ให้ ก็ให้เราแกล้งเดินออกจากร้าน ประมาณว่าไม่ให้ก็ไม่ซื้อ รับรองได้เลยว่ายังไงร้อยทั้งร้อยเค้าต้องเรียกเรากลับมาให้ซื้อของชิ้นนั้นเป็นแน่ แค่นี้ก็เรียบร้อย...เราจะได้ซื้อของในราคาที่เราพอใจ

11/19/2008

จับจ่าย-ซื้อของ

หลังจากอิ่มกันแล้ว ก็ได้เวลาเดินย่อย บทนี้คงเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คน และเป็นที่รู้ดีกันอยู่แล้วว่า การซื้อของที่เมืองจีนนั้นจะต้องต่อรองกันขนาดไหน เพราะการตั้งราคานั้นบางครั้งก็กำหนดขึ้นจากหน้าตาของผู้ซื้อ ฟังดูแปลกแต่จริงนะ...ขอบอก ยิ่งใครที่หน้าตาดูไม่กลมกลืนกับพวกคนจีนแล้ว คงได้ราคาตั้งที่สูงเกินจริงอย่างแน่นอนถึงเวลาลุยกันแล้ว แต่ก่อนอื่นก็ต้องจำคำศัพท์ ภาษาจีน ให้ได้ก่อนนะ

买(mǎi) = ซื้อ
卖(mài) = ขาย
多(duō) = มาก , เยอะ
少(shǎo) = น้อย
多少(duōshǎo) = เท่าไหร่
钱(qián) = เงิน , ราคา
换(huàn) = แลกเปลี่ยน , เปลี่ยน
词典(cídiǎn) = พจนานุกรม
本子(běnzi) = สมุด
书(shū) = หนังสือ
笔(bǐ) = ปากกา
书包(shūbāo) = กระเป๋าหนังสือ
个(gè) = ชิ้น , อัน
本(běn) = เล่ม (ลักษณะนาม)
杯(bēi) = ถ้วย (ลักษณะนาม)
一(yī) = หนึ่ง
二(èr) = สอง
三(sān) = สาม
四(sì) = สี่
五(wǔ) = ห้า
六(liù) = หก
七(qī) = เจ็ด
八(bā) = แปด
九(jiǔ) = เก้า
十(shí) = สิบ
百(bǎi) = ร้อย
千(qiān) = พัน
万(wàn) = หมื่น
美元(měiyuán) = ดอลล่าร์ (สกุลเงินของอเมริกา)
泰铢(tàizhū) = บาท (สกุลเงินไทย)
人民币(rénmínbì) = สกุลเงินจีน
块(kuài) = หน่วยเงินจีน มีขนาดใหญ่สุด (ภาษาพูด)
元(yuán) = หน่วยเงินจีน (ภาษาเขียน)
毛(máo) = หน่วยเงินจีน ที่มีขนาดเล็กกว่า 块 ใช้ในภาษาพูด
角(jiǎo) = มีความหมายเหมือนกับ 毛 แต่ใช้ในภาษาเขียน
分(fēn) = หน่วยเงินจีน ที่มีขนาดเล็กที่สุด

เห็นคำศัพท์ ภาษาจีน กันอย่างนี้แล้วก็อย่าเพิ่งตาลายนะ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นตัวเลขมากกว่า เพราะการจะซื้อของได้ก็ต้องรู้จักตัวเลขไว้ด้วยนะ ถ้าจำกันได้แล้ว จะได้โต้ตอบราคากันได้ยังไง

บทสนทนา ภาษาจีนกลาง
1. A : 我要换钱。(wǒyàohuànqián) = ฉันต้องการแลกเงิน
B : 换多少?(huànduōshǎo) = แลกเท่าไหร่
A : 一百美元。(yībǎiměiyuán) = หนึ่งร้อยดอลล่าร์

2. A : 我要买词典。(wǒyàomǎicídiǎn)一本词典(yīběncídiǎn),多少钱?= ฉันต้องการซื้อพจนานุกรม พจนานุกรมหนึ่งเล่มราคาเท่าไหร่
B : 七十五块。(qīshíwǔkuài) = เจ็ดสิบห้าเหรียญ

คำศัพท์บางคำอาจไม่ถูกนำมาใช้ในบทสนทนา แต่คุณก็สามารถเรียนรู้และปรับเปลี่ยนใช้เองได้ง่ายๆ เพราะจริงๆ แล้ว ภาษาจีนกลาง กับภาษาไทยนั้นมีความใกล้เคียงกันมาก สำหรับบทนี้คงพอแค่นี้ก่อน เพราะเกรงว่าจะเอียนกันเสียก่อน เรื่องการต่อรองราคาจะขอยกไปในบทต่อไป

อาหาร-เครื่องดื่ม

ชอบสุดก็ตอนนี้แหละ เรื่องอาหารการกิน และเครื่องดื่มต่างๆ หากใครมีโอกาสได้ไปศึกษาที่เมืองจีนคงรู้ดี อาหารการกินไม่ต้องพูดถึงเลย ไปเรียนกลับมาน้ำหนักขึ้นไม่รู้ตัวเลย เดี๋ยวจะนำเมนูอาหารมาฝากด้วยนะ แต่ก่อนอื่นก็ต้องไปเรียนรู้คำศัพท์ ภาษาจีนกลาง กันเหมือนเดิม จะได้สั่งอาหารเป็น

吃(chī) = กิน
饿(è) = หิว
饱(bǎo) = อิ่ม
渴(kě) = กระหาย
喝(hē) = ดื่ม
什么(shénme) = อะไร
和(hé) = กับ , และ
要(yào) = จะ , ต้องการ , เอา
喜欢(xǐhuan) = ชอบ
点(diǎn) = สั่ง , จุด
菜(cài) = อาหาร , กับข้าว
米饭(mǐfàn) = ข้าวสวย
饺子(jiǎozi) = เกี๊ยว
面条(miàntiáo) = บะหมี่
面包(miànbāo) = ขนมปัง
包子(bāozi) = ซาลาเปา
饮料(yǐnliào) = เครื่องดื่ม
啤酒(píjiǔ) = เบียร์
白酒(báijiǔ) = เหล้าขาว
可乐(kělè) = โค้ก
雪碧(xuěbì) = สไปร์ซ
百事可乐(bǎishìkělè) = เป๊ปซี่
果汁(guǒzhī) = น้ำผลไม้
茶(chá) = ชา
咖啡(kāfēi) = กาแฟ
白水(báishuǐ) = น้ำเปล่า
矿泉水(kuàngquánshuǐ) = น้ำแร่
牛奶(niúnǎi) = นมโค
稍(shāo) นิดหน่อย , นิดเดียว
等(děng) รอ , คอย
一下(yíxià) นิดหน่อย , เล็กน้อย , ประเดี๋ยวเดียว

บทสนทนา ภาษาจีนกลาง
A : 我要点菜(wǒyàodiǎncài)?
B : 你要点什么(nǐyàodiǎnshénme)?
A : 你喜欢吃什么(nǐxǐhuanchīshénme)?
C : 我喜欢吃面条(wǒxǐhuanchīmiàntiáo),你呢(nǐne)?
A : 我喜欢吃包子(wǒxǐhuanchībāozi)。我们要面条和包子(wǒmenyàomiàntiáohébāozi)。
B : 你们要喝什么饮料(nǐmenyàohēshénmeyǐnliào)?
A : 我要喝啤酒(wǒyàohēpíjiǔ)。
C : 我也要喝啤酒(wǒyěyàohēpíjiǔ)。
B : 请稍等一下(qǐngshāoděngyíxià)。

A : ฉันต้องการสั่งอาหาร
B : คุณต้องการสั่งอะไร
A : คุณชอบทานอะไร
C : ฉันชอบทานบะหมี่ คุณล่ะ
A : ฉันชอบทานซาลาเปา พวกเราเอาบะหมี่กับซาลาเปา
B : พวกคุณจะดื่มเครื่องดื่มอะไร
A : ฉันจะดื่มเบียร์
C : ฉันก็จะดื่มเบียร์เหมือนกัน
B : กรุณารอสักครู่

หากเรายิ่งรู้ศัพท์ ภาษาจีน เยอะมากเท่าไร ก็ยิ่งสามารถจะแต่งบทสนทนาได้มาก และยาวขึ้น จากบทสนทนา ภาษาจีนกลาง ด้านบนรูปประโยคเกือบทุกประโยคนั้นเรียงเหมือนภาษาไทยเป๊ะ มีเพียงแค่ประโยคเดียวที่ไม่เหมือน คือ 你们要喝什么饮料?เนื่องจาก 饮料 เป็นคำนาม ส่วน 什么 เป็นคำที่ทำหน้าที่ขยาย 饮料 ดังนั้นจึงต้องวางไว้ด้านหน้าของ 饮料 เพราะใน ภาษาจีนกลาง จะต่างกับภาษาไทยตรงที่ส่วนขยาย จะวางไว้ด้านหน้าส่วนที่ถูกขยายเสมอ (อันนี้ถือเป็นกฎเหล็กเลย) อาจจะงงๆ สับสนกันสักหน่อย แต่ใช้ไปเรื่อยๆ ก็จะเคยชินไปเอง

เมนูอาหารจานเด็ด

จากที่ได้ไปเรียนที่เมืองหางโจว ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่สวยงามมาก ใครได้ไปคงหลงเสน่ห์ และอยากกลับไปอีก เมนูอาหารของแต่ละที่ในจีน ก็อาจมีความแตกต่างกันไป เพราะเมืองจีนนั้นมีสภาพภูมิประเทศและอากาศที่แตกต่างกัน แต่ก็ขอยกตัวอย่างเมนูอาหารที่กินเป็นประจำ และยังคงคิดถึงอยู่ก็แล้วกัน

糖醋里脊(tángcùlǐji) เป็นหมูนำมาชุบแป้งทอดแล้วคลุกเคล้ากับน้ำซอสมีรสเปรี้ยวหวาน
蛋黄南瓜(dànhuángnánguā) ฟักทองผัดไข่เค็ม
日本豆腐(rìběndòufǔ) เหมือนกับเต้าหู้หลอดบ้านเรานำไปทอดแล้วราดซอส
炒饭(chǎofàn) ข้าวผัด

จริงๆ แล้วเมนูมีเยอะมาก แต่พอห่าง ภาษาจีน ไปนานก็เลยไม่ได้สั่งทำให้ลืมเลย ถ้านึกออกจะนำมาบอกต่อนะจ๊ะ อาหารแต่ละอย่างถ้านำมาแปลตรงตัวตามศัพท์คงตลกพิลึก ดังนั้นขอแนะนำว่าถ้ามีโอกาสต้องลองสั่งดูแล้วเห็นของจริงเลยถึงจะรู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง ถ้าให้บอกอย่างนี้คงนึกกันไม่ออกหรอก ต้องค่อยๆ ศึกษาจากสถานการณ์จริงถึงจะจำได้ สั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า เห็นบ่อยๆ เดี๋ยวก็จำได้เอง

กินอิ่มกันหรือยัง 吃饱了吗?(chībǎolema) ถ้าอิ่มแล้วก็ไปช็อปปิ้งกันในบทต่อไปเลยดีกว่า

รู้จักคนรอบตัว

เห็นศัพท์ ภาษาจีนกลาง อย่างนี้แล้วก็อย่าเพิ่งเบื่อไปเลย อดทนเค้าไว้เพื่อชัยชนะในวันหน้า

爸爸(bàba) = พ่อ
妈妈(māmā) = แม่

哥哥(gēgē) = พี่ชาย
姐姐(jiějiě) = พี่สาว

弟弟(dìdì) = น้องชาย
妹妹(mèimèi) = น้องสาว
爱人(àirén) = สามี/ภรรยา
他(tā) = เขา (ผู้ชาย)
她(tā) = เธอ , หล่อน
他们(tāmen) = พวกเขา , พวกท่าน
呢(ne) = ล่ะ
都(dōu) = ทั้งหมด , ทั้งสิ้น , ล้วน
忙(máng) = ยุ่ง , งานยุ่ง
累(lèi) = เหนื่อย


หลังจากเรียนรู้คำศัพท์ ภาษาจีนกลาง กันไปแล้ว ต่อไปก็มาดูบทสนทนากันบ้าง


บทสนทนา ภาษาจีนกลาง
A : 你好吗(nǐhǎoma)? A : คุณสบายดีไหม
B : 我很好(wǒhěnhǎo)。你呢(nǐne)? B : ฉันสบายดี คุณล่ะ
A : 我也很好(wǒyěhěnhǎo)。 A : ฉันก็สบายดีเหมือนกัน
B : 你爸爸(nǐbàba)、妈妈都好吗?(māmādōuhǎoma) B : พ่อแม่ของคุณทั้งหมดสบายดีไหม
A : 他们也都很好(tāmenyědōuhěnhǎo)。 A : พวกท่านก็สบายดีเหมือนกัน

A : 你忙吗(nǐmángma)? A : คุณยุ่งไหม
B : 我很忙(wǒhěnmáng)。/我不忙(wǒbúmáng)。 B : ฉันยุ่งมาก / ฉันไม่ยุ่ง

A : 你累吗(nǐlèima)? A : คุณเหนื่อยไหม
B : 我很累(wǒhěnlèi)。/我不累(wǒbúlèi)。 B : ฉันเหนื่อยมาก / ฉันไม่เหนื่อย


วิธีการใช้ 也(yě) กับ 都(dōu)
ใช้ได้เฉพาะข้างหลังบทประธาน และข้างหน้าของคำกริยา หรือคำคุณศัพท์
เมื่อใช้ 也 กับ 都 ขยายคำกริยา หรือคำคุณศัพท์คำเดียวกัน ต้องวาง 也 ไว้ข้างหน้า 都


11/11/2008

เรียนรู้ศัพท์ภาษาจีนง่ายๆ

มาเริ่มเรียนคำศัพท์ ภาษาจีนกลาง กันดีกว่า
你(nǐ) = คุณ , 您(nín) = คุณ (คำนี้แปลเหมือนกัน แต่การใช้ต่างกันเล็กน้อย เพราะเป็นคำแสดงการให้เกียรติ หรือ ใช้กับผู้ที่อาวุโสกว่า)
我(wǒ) = ฉัน
你们(nǐmen) = พวกคุณ , พวกท่าน
我们(wǒmen) = พวกเรา

老师(lǎoshī) = อาจารย์
好(hǎo) = ดี
不(bú) = ไม่
客气(kèqi) = เกรงใจ
请(qǐng) = โปรด , เชิญ , ขอ , กรุณา
进(jìn) = เข้า
座(zuò) = นั่ง
听(tīng) = ฟัง
说(shuō) = พูด
读(dú) = อ่าน , เรียน
写(xiě) = เขียน
问(wèn) = ถาม
เห็นคำศัพท์ ภาษาจีนกลาง แบบนี้แล้วคงไม่ยากไปสำหรับการจดจำใช่มั้ยค่ะ คราวนี้ลองประสมคำจากคำศัพท์ ภาษาจีนกลาง ที่มีอยู่ด้านบน เราก็จะได้คำศัพท์อื่นๆ อีกหลายคำเลย
你好(nǐhǎo) = สวัสดี
你们好(nǐmenhǎo) = สวัสดีท่านทั้งหลาย
老师好(lǎoshīhǎo) = สวัสดีอาจารย์
不好(bùhǎo) = ไม่ดี
不客气(búkèqì) = ไม่ต้องเกรงใจ
请进(qǐngjìn) = เชิญเข้ามา
请坐(qǐngzuò) = เชิญนั่ง
请听(qǐngtīng) = โปรดฟัง , กรุณาฟัง
请说(qǐngshuō) = เชิญพูด
请读(qǐngdú) = เชิญอ่าน , กรุณาอ่าน
สำหรับผู้เริ่มเรียน ภาษาจีนกลาง เห็นคำศัพท์แล้วตาลายกันหรือป่าว แต่การเรียนไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาจีนกลาง หรือแม้กระทั่งภาษาไทยเราเองก็อย่างนี้แหละ การรู้คำศัพท์ยิ่งมาก ยิ่งเป็นพื้นฐานที่ดีที่จะเรียนรู้ประโยคต่างๆที่ยาวขึ้น ถ้าไงลองอ่านแล้วจำกันดู เวลาในการเรียนรู้ของแต่ละคนย่อมไม่เท่ากัน ถ้ายังไม่เหนื่อยเกินไปก็เรียนภาษาจีนกลาง กันต่อในหัวข้อถัดไปเลย แต่ถ้ารู้สึกเหนื่อยเกินไปก็พักกันสักนิดอย่าฝืนเพราะอาจทำให้รู้สึกยาก และไม่อยากเรียนต่อไป

คำทักทายใน ภาษาจีนกลาง

ชั่วโมงแรก สำหรับการเริ่มเรียน ภาษาจีนกลาง เรามารู้จักคำทักทายแบบจีนๆกันก่อน 你好!(nǐhǎo) หนีห่าว แปลเป็นไทยได้ว่า สวัสดี แต่ตอนที่อยู่เมืองจีนนั้นได้ถามเพื่อนคนจีนจึงรู้ว่าจริงๆ แล้วคนจีนจะไม่ทักทายกันแบบนี้

ส่วนใหญ่เค้าจะทักทายกันตามสถานการณ์กันมากกว่า เช่น จะถามว่า กินข้าวแล้วหรือยัง 吃饭了吗?吃(chī)饭(fàn)了(le)吗(ma) เมื่อเวลานั้นเป็นเวลาที่ใกล้กับเวลาอาหาร หรือเจอกันเมื่ออยู่ตามท้องถนน หรือเดินอยู่ ก็จะถามว่า คุณจะไปไหน 你要去哪儿?你(nǐ)要(yào)去(qù)哪儿(nǎr) ซึ่งเพื่อนคนจีนยังบอกอีกว่านี่เป็นเพียงการทักทายเท่านั้น เราไม่ต้องตอบจริงๆ ก็ได้

ต่อไปจะเป็นการถามถึงสารทุกข์สุขดิบ คือ 你好吗?你(nǐ)好(hǎo)吗(ma)=สบายดีมั้ย คำตอบอาจจะมีหลายแบบเช่นเดียวกับคนไทยเรานั่นเอง เช่น 我很好。我(wǒ)很(hěn)好(hǎo)=ฉันสบายดี หรืออาจตอบ 马马虎虎。马(mǎ)马(mǎ)虎(hū)虎(hū)=ก็งั้นๆแหละ เมื่อเค้าถามเราแล้วโดยมารยาทเราก็ควรถามกลับว่า 你呢? 你(nǐ)呢(ne)=แล้วคุณล่ะ เค้าจะตอบกลับว่า 我也很好。我(wǒ)也(yě)很(hěn)好(hǎo)=ฉันก็สบายดีเหมือนกัน

คงไม่ยากไปนะคะ เรามาเรียนกันต่อเลยดีกว่า กับคำว่า ขอบคุณ 谢谢!(xièxiè), ไม่ต้องเกรงใจ 不客气!(búkèqi), ขอโทษ 对不起!(duìbuqǐ),ไม่เป็นไร 没关系(méiguānxi) และคำว่า ลาก่อน,แล้วพบกันใหม่ 再见!(zàijiàn)

จริงๆ แล้วภาษาไทยกับภาษาจีนกลาง นั้นมีความใกล้เคียงกันมาก เช่น 你好(nǐhǎo)=สวัสดี แต่พอเติม 吗(ma) เข้าไปก็จะเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม 吗=ไหม พอรวมเข้ากับ 你好 จะได้ประโยคว่า 你好吗?(nǐhǎoma)= สบายดีไหม 吃(chī)=กิน , 饭(fàn)=ข้าว , 了(le)=แล้ว ,吗(ma)=หรือยัง/ไหม พอรวมเข้าเป็นประโยค 吃饭了吗?กินข้าวแล้วหรือยังจะเห็นได้ว่าในประโยคนี้จะเรียงเหมือนกับประโยคในภาษาไทย

หรืออีกประโยค 你(nǐ)=คุณ , 要(yào)=จะ , 去(qù)=ไป, 哪儿(nǎr)=ไหน (สถานที่) จะได้ 你要去哪儿?=คุณจะไปไหน

ส่วนในเรื่องของไวยากรณ์ฟังแล้วอาจเป็นสิ่งที่น่าเบื่อแต่ก็ควรรู้ไว้ ในบทนี้จะเป็นไวยากรณ์ ภาษาจีน แบบง่ายๆ จำไว้ซักนิดคงไม่เสียหายอะไร

1.吗(ma) ใช้เติมด้านหลังของประโยคบอกเล่า เพื่อเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม
2.很(hěn) ถ้าคำเดียวโดดๆ แปลว่า มาก แต่สำหรับไวยากรณ์แล้วจะนำไปไว้หน้าคำคุณศัพท์ เพื่อทำให้ประโยคมีความสมบูรณ์
3.也(yě) แปลว่า ก็...เหมือนกัน จะวางไว้ด้านหลังประธาน แต่ต้องวางไว้หน้าคำกริยา หรือคำคุณศัพท์

บทสนทนา ภาษาจีนกลาง(ถามอย่างนี้จะตอบยังไง)
A : 你好! (nǐhǎo)
B : 你好! (nǐhǎo)

A : 你好吗? (nǐhǎoma)
B : 我很好(wǒhěnhǎo),你呢? (nǐne)
A : 我也很好。(wǒyěhěnhǎo)

A : 谢谢! (xièxiè)
B : 不客气! (búkèqì)

A : 对不起! (duìbuqǐ)
B : 没关系! (méiguānxi)

A : 再见! (zàijiàn)
B : 再见! (zàijiàn)

คำทิ้งท้าย กำลังใจสำหรับคนเรียน ภาษาจีนกลาง
ทุกเรื่องเริ่มแรกล้วนยากเสมอ หรือ ในสำนวน ภาษาจีนกลาง พูดว่า 万事开头难 万(wàn)事(shì)开(kāi)头(tóu)难(nán) ดังนั้นการเริ่มต้นอะไรซักอย่าง บางครั้งอาจทำให้เราท้อจนไม่อยากจะทำต่อไป แต่ขอให้เรามุ่งมั่นและลองทำต่อไปจนชอบ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น การเรียน ภาษาจีนกลาง ก็เช่นกัน ต้องเรียนจนเราชอบถึงจะได้ผล ความสามารถของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ทำให้ทักษะแต่ละด้าน (ฟัง,พูด,อ่าน,เขียน)ไม่เท่ากัน อย่าเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะจะทำให้เราหมดกำลังใจและเลิกเรียนไป จงก้าวไปอย่างช้าๆ ตามเส้นทางที่เราถนัดจะดีกว่า

ภาษาจีน 168 ชั่วโมง

你好! (nǐhǎo) หนีห่าว คำทักทายใน ภาษาจีนกลาง หรือ แปลเป็นไทยว่าสวัสดี

บล็อกนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้เริ่มเรียน ภาษาจีนกลาง ทุกคน เริ่มแรกอาจจะยากซักหน่อยจนบางคน อาจท้อและหยุดเรียนไป แต่ขอให้เราขยันตั้งใจเรียน เราเชื่อว่า ภายใน 168 ชั่วโมง ทุกคนต้องสามารถพูด ภาษาจีนกลาง ได้อย่างแน่นอน สำหรับคนที่ท้อก็อย่าเพิ่งถอย ลองกลับมาตั้งใจดูกันอีกสักครั้งนึง

168 ชั่วโมง คงไม่มากเกินไป ลองคิดกันดูเล่นๆ 168 ชม. คิดเป็นหนึ่งสัปดาห์ แต่คงไม่มีใครทุ่มเทให้กับการเรียน ภาษาจีน โดยอ่านตลอดสัปดาห์แบบไม่พัก แต่ถ้าคิดเป็นปีแล้ว เราก็แค่สละ เวลา วันละประมาณ 1 ชม. แบบวันเว้นวัน เพื่อแลกกับคำศัพท์ที่เราจะได้ประมาณ 1000 กว่าคำ ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะนอกจากจะได้คำศัพท์แล้ว เรายังได้เรียนรู้ ภาษาจีนกลาง เพื่อไว้ใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย

จุดเริ่มต้นของการเรียน ภาษาจีนกลาง ของเราก็คือ หลังจบปริญญาตรีแล้ว จริงๆแล้วน่าจะได้เรียนมาตั้งนานแล้ว แต่มัวแต่คิดโน่นคิดนี่ ประมาณว่าคิดมากเกินเหตุจนไม่ได้เรียน เพราะเริ่มคิดที่จะเรียนมาตั้งแต่ตอนจบม.6 ก็เพราะตอนนั้นมีโอกาสได้ไปเที่ยวปักกิ่งแบบไม่รู้ ภาษาจีนกลาง สักคำเลย ไปไหนมาไหนก็ต้องพึ่งไกด์ตลอดเวลา หวังว่ากลับมาจะมาลงคอร์สเรียนดู ก็สอบถามที่เรียนอะไรเรียบร้อยแล้วล่ะ แต่เห็นถึงความยากทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เรียนเลยก็เลยถอดใจ...แบบว่าไม่เรียนดีกว่า อันนี้อย่าเอาเป็นตัวอย่างเลย...ไม่ดี ถ้าเกิดคิดอยากทำอะไรสักอย่างก็อย่าคิดมากนักเลย ยิ่งถ้าสิ่งที่จะทำนั้นจะมีประโยชน์กับเราต่อไปในอนาคต

เมื่อมีโอกาสได้สัมผัสกับ ภาษาจีนกลาง ครั้งแรกมันก็เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด ยากอะไรอย่างนี้ ต้องอ่าน ต้องเขียน ต้องท่องจำ คัดศัพท์ทุกวันจนมือหงิก แต่พอเรียนไปได้สักพักก็เริ่มชินกับคำศัพท์เก่าๆ ความยากก็เริ่มลดลง แต่ความยากยิ่งกว่าก็เริ่มเข้ามาแทนที่ เพราะมีคำศัพท์ใหม่ๆ เข้ามารบกวนสมองอยู่ตลอดเวลา ทำให้คิดที่จะเลิกเรียน ภาษาจีนกลาง ไปหลายต่อหลายครั้ง และก็เคยหยุดเรียนไปจริงๆ ด้วยประมาณสามปีได้ กลับมาต้องรื้อฟื้นกันยกใหญ่ รื้อยังไงก็คงไม่เหมือนเดิมอยู่ดี เพราะอะไรที่ห่างไปนานๆ ความขี้เกียจก็ย่อมเข้ามาเยือนอย่างไม่ได้รับเชิญ ไหนเลยจะกระตือรือร้น หรือขยันเหมือนตอนแรกเริ่มได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องรื้อฟื้นกันต่อไปจนกว่าความทรงจำในวันวาน (ภาษาจีนกลาง)จะกลับมาได้อย่างสมบูรณ์เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์